ปัญหาท้าทายด้านไอทีของธุรกิจขนาดเล็ก
เมื่อกล่าวถึงไอที ธุรกิจประสบปัญหาของรักษาระดับที่ดีพอสำหรับประสิทธิภาพ งบประมาณ และข้อมูลที่มีคุณภาพเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ไว้ใจได้ ธุรกิจมักจะมีงบประมาณไม่มากและมีการจัดงบประมาณแบบหลวมๆ และไม่สามารถที่จะจัดเปลี่ยนพีซีใหม่ได้ในทุกสองหรือสามปี ธุรกิจขนาดเล็กไม่อาจเข้าถึงข้อมูลที่ไว้ใจได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีอีกด้วย และมักจะได้ข้อมูลท่วมท้นจากบล็อกหรือเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ ที่ขาดความเข้าใจที่แท้จริง ธุรกิจเหล่านี้มักจะไม่สามารถตามติดแนวโน้มต่างๆ และมักจะถูกขอให้ทำได้มากขึ้นแต่จ่ายน้อยลง ท้ายที่สุด ธุรกิจขนาดเล็กมีภาระต้องจัดการและช่วยป้องกันอุปกรณ์ของพนักงานด้วยความความสามารถการรักษาความปลอดภัยและความสามารถจัดการโดยน้อยที่สุดสำหรับการทำงานระยะไกล
เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กยังมักที่จะพึ่งพาผู้จำหน่ายและโซลูชันแบบพร้อมทำงาน (เช่น Microsoft Defender) ที่มาพร้อมกับพีซีเพื่อแก้ปัญหาท้าทายด้านไอทีของตน ปัญหาของวิธีการเหล่านี้ก็คือ โซลูชันเหล่านี้ไม่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการหรือความท้าทายเฉพาะของแต่ละธุรกิจ เพียงแค่การพึ่งพาซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสหรือผู้จำหน่ายที่มุ่งเน้นขายเกินงามอาจยังไม่เพียงพอเสมอไป
คุณค่าสูงสุดสามประการสำหรับไอที
ต่อไปนี้เป็นคุณค่าสำคัญสามประการที่ผู้จัดการไอทีต้องคำนึงไว้ กล่าวคือ การรักษาความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความสามารถจัดการสินทรัพย์ไอที แต่ละคุณค่าเหล่านี้ล้วนสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจให้ราบรื่น เพื่อช่วยให้เจ้าของสามารถมุ่งแก้ปัญหาอื่นๆ ที่เขาต้องให้ความสนใจ
การรักษาความปลอดภัย
สำหรับการโจมตีแบบแรนซัมแวร์ทั้งหมดต่อองค์กรต่างๆ ในปี 2020 นั้น ธุรกิจที่มีพนักงานจำนวนน้อยกว่า 100 คนโดนไป 55 เปอร์เซ็นต์1เพราะเหตุนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ธุรกิจขนาดเล็กจะต้องมียุทธศาสตร์การรักษาความปลอดภัยเพื่อให้เท่าทันภัยคุกคามสมัยใหม่ นอกจากนี้ การลงทุนฝึกอบรมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์สามารถช่วยให้พนักงานพัฒนาหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดได้ ซึ่งหมายรวมถึงการสร้างรหัสผ่านที่แน่นหนาขึ้น การพัฒนาแนวทางการใช้อินเทอร์เน็ต และการเรียนรู้วิธีจับจุดการโจมตีแบฟิชชิ่ง
วิธีการหนึ่งที่ดีที่สุดที่จะขจัดการโจมตีทางไซเบอร์ก็โดยใช้ความสามารถการรักษาความปลอดภัยแบบใช้ฮาร์ดแวร์ ปัจจุบันแฮกเกอร์คอยหาวิธีการใหม่ๆ ที่จะสอดแทรกมัลแวร์โดยที่อุปกรณ์อื่นๆ ไม่สามารถตรวจจับได้ แต่คุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยแบบใช้ฮาร์ดแวร์นั้นสามารถช่วยป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์สมัยใหม่ได้ โดยจะเพิ่มอีกระดับชั้นการป้องกันไว้ที่ระดับซิลิคอน เพื่อช่วยให้ทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของพีซีได้รับการป้องกันอย่างเท่าเทียมกัน เนื่องจากการรักษาความปลอดภัยแบบใช้ฮาร์ดแวร์มีขึ้นที่ระดับรากฐาน ผู้ใช้จึงได้รับการป้องกันจากภัยคุกคามทางไซเบอร์และการโจมตีเฟิร์มแวร์สมัยใหม่ได้ อีกทั้งด้วยคุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยแบบใช้ฮาร์ดแวร์ ธุรกิจขนาดเล็กยังจะได้ประโยชน์จากความสามารถการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งแบบพร้อมใช้งานทันที เป็นการช่วยวางรากฐานที่ครอบคลุมความต้องการเฉพาะทางยุทธศาสตร์
ประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพระดับชั้นธุรกิจโดยใช้อุปกรณ์ทรงพลังที่ตอบสนองได้ดีและสามารถทำมัลติทาสก์อย่างง่ายดาย เป็นกุญแจของการสร้างผลิตภาพในที่ทำงาน ในการศึกษาที่จัดทำขึ้นโดย Intel นักวิจัยพบว่าคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้ช้า สามารถทำให้พนักงานมีผลิตภาพการทำงานได้น้อยลงถึง 29 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสามารถทำให้ธุรกิจมีต้นทุนสูงถึง 17,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีจากผลิตภาพการทำงานที่หายไป2
ด้วยอุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน Intel vPro® พนักงานและธุรกิจเช่นกัน สามารถได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI สุดล้ำไว้ปรับเน้นเวิร์กโฟลว์ของตน อุปกรณ์เหล่านี้ยังผนึกรวมความสามารถของ Wi-Fi ที่ดีที่สุดไว้สำหรับการทำงานร่วมกันแบบเสมือน
การจัดการ
สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่พนักงานส่วนใหญ่ทำงานจากที่บ้าน การจัดการระยะไกลอาจเป็นเรื่องยากได้ ด้วยกลุ่มพีซีที่ได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีการจัดการระยะไกลที่ทรงพลัง ผู้จัดการไอทีสามารถช่วยป้องกันแต่ละอุปกรณ์ จัดการส่วนอัปเดตและโปรแกรมแก้ไขต่างๆ และเข้าใช้อุปกรณ์จากระยะไกลได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญที่สุดก็คือเทคโนโลยีความสามารถจัดการระยะไกลช่วยให้ผู้จัดการไอทีสามารถเข้าถึงระบบของพนักงานได้โดยไม่ต้องเดินทางไปยังจุดที่อยู่ของพนักงานแต่อย่างใด ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพิ่มผลิตภาพการทำงานในหมู่เจ้าหน้าที่ไอที และช่วยให้เกิดความเสถียรที่สามารถลดเวลาการหยุดทำงานได้
พีซีระดับชั้นธุรกิจด้วย Intel vPro®
Intel vPro® Enterprise for Windows ช่วยให้ผู้จัดการไอทีสามารถมุ่งเน้นคุณค่าหลักสามประการของตนได้ กล่าวคือ การรักษาความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความสะดวกจัดการ เพื่อรักษาความปลอดภัย พีซีที่สร้างขึ้นบน Intel vPro® มาพร้อมกับคุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยแบบใช้ฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้น ด้วยเทคโนโลยีอย่าง Intel vPro® Security ผู้ใช้สามารถช่วยป้องกันการโจมตีและการสอดแทรกมัลแวร์ใต้ระดับระบบปฏิบัติการ ช่วยปกป้องแอปและข้อมูลของตน และช่วยตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูงต่างๆ เช่น แรนซัมแวร์และคริปโตแจ็กกิง
ในด้านประสิทธิภาพการทำงาน พีซีระดับชั้นธุรกิจบน Intel vPro® ทำให้เกิดผลิตภาพการทำงานและการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ประสบการณ์การใช้งานที่เปี่ยมพลัง และฟอร์มแฟกเตอร์ที่ยืดหยุ่นเพื่อรองรับทุกความต้องการของพนักงาน ท้ายที่สุด Intel® Active Management Technology ช่วยให้เจ้าหน้าที่ไอทีสามารถจัดการและซ่อมแซมพีซี คิออสก์ ป้ายดิจิทัล และอีกมากมาย จากระยะไกล แม้ในขณะอุปกรณ์เหล่านั้นจะปิดอยู่หรืออยู่นอกวงจัดการ (หมายถึงว่าเจ้าหน้าทีไอทียังสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อระบบปฏิบัติการไม่ทำงานหรือไม่ตอบสนอง) Intel ได้ออกแบบแต่ละเครื่องมือและคุณสมบัติระดับมืออาชีพเหล่านี้ เพื่อให้เจ้าหน้าทีไอทีของธุรกิจขนาดเล็กมีทรัพยากรที่ต้องการไว้สร้างความเติบโตให้ธุรกิจของตน