สิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้เพื่อรันม็อดของเกมพีซี
หนึ่งในข้อดีของเกมพีซีคือความสามารถในการเพิ่มม็อด ส่วนเสริมที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเองและการแก้ไขที่ปรับเปลี่ยนเนื้อหาของเกม
ตั้งแต่ในยุค 80 เป็นต้นมา ผู้คนได้ใช้งานม็อดเกมพีซีเพื่อปรับแต่งรูปลักษณ์ อารมณ์ และฟังก์ชันการทำงานให้กับเกมสุดโปรดของพวกเขา นักม็อดเกมได้เปลี่ยนเกมห่วยไปเป็นเกมดี เปลี่ยนเกมดีไปเป็นเกมแปลกประหลาด และฟื้นฟูเกมล้าสมัยให้เหมาะกับผู้เล่นหน้าใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ของนักม็อดเกมนั้นไร้ขีดจำกัด จึงก่อให้เกิดผลงานที่แปลกใหม่และสวยงามอย่างแท้จริง ถึงแม้ผู้เล่นเกมคอนโซลได้เห็นม็อดมาบ้างเล็กน้อยในอดีต แต่พีซีก็ยังคงเป็นบ้านที่อบอุ่นที่สุดสำหรับม็อดเสมอ
หากคุณยังไม่เคยคิดจะใช้ม็อดเกม การเริ่มต้นนั้นไม่ยากเลย แหล่งรวมม็อดและฟอรั่มอย่างเป็นทางการมีเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเองมากมายมหาศาล โดยมักจะมีตัวติดตั้งที่เข้าใจง่ายและคำแนะนำทีละขั้นตอนเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นใช้งาน ดังนั้นแม้ว่าคุณจะรู้สึกวิตกกังวลในตอนแรก คุณอาจแปลกใจที่พบว่าง่ายดายขนาดนี้ แต่ละเกมนั้นแตกต่างกันไป แต่ด้วยการค้นหาทางออนไลน์ คุณจะพบคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเริ่มติดตั้งม็อดสำหรับเกมที่คุณชื่นชอบ
หากคุณยังใหม่ต่อวงการม็อด คุณควรระวังความเสี่ยงที่อาจตามมา เช่นเดียวกับเนื้อหาจากบุคคลที่สาม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และระวังมัลแวร์หรือไวรัสเสมอ สำหรับเกมออนไลน์ คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าม็อดไม่ได้ฝ่าฝืนข้อกำหนดในการให้บริการ
ก่อนที่จะกระโดดเข้าสู่โลกแห่งม็อด คุณจะต้องแน่ใจว่าคุณมีฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมสำหรับเครื่องพีซีสำหรับเล่นเกมของคุณ การใช้ม็อดยังเป็นศาสตร์ที่ไม่แม่นตรง และม็อดจำนวนมากก็ไม่ได้รับการปรับให้ทำงานร่วมกับเกมอย่างสมบูรณ์แบบ ถึงแม้การดัดแปลงสกินและการเปลี่ยนแปลงกราฟิกธรรมดาๆ อาจทำงานได้ดีในคอมเครื่องปัจจุบันของคุณ แต่ม็อดที่ทะเยอทะยานมากกว่าอาจต้องการพลังประมวลผลที่มากกว่าเกมต้นฉบับ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูคำแนะนำของเราว่า CPU ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมอย่างไร และความสำคัญของการเลือกใช้อุปกรณ์อย่างสมดุล
ทำไมฮาร์ดแวร์ถึงสำคัญ
ทำไมบางครั้งม็อดจึงต้องการฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังมากกว่าเกมต้นฉบับ เป็นเพราะสาเหตุดังนี้
เมื่อนักพัฒนาสร้างเกมขึ้นมา พวกเขาพยายามรับรองว่าจะสามารถรันเกมบนระบบหลากหลายรูปแบบได้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาฮาร์ดแวร์ภายในคอมของผู้เล่นทุกคน นักพัฒนาจึงให้ความสนใจอย่างมากต่อการปรับเกมให้รันบนฮาร์ดแวร์ของผู้คนส่วนใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในทางกลับกันคนส่วนใหญ่ที่สร้างม็อดนั้นไม่มีทรัพยากรที่จะปรับม็อดให้รองรับความหลากหลายของพีซีได้เหมือนกับสตูดิโอผลิตเกม บ่อยครั้งจึงส่งผลให้ม็อดทำงานอย่างไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งหมายความว่าม็อดจะดึงฮาร์ดแวร์มาใช้อย่างสิ้นเปลืองมากกว่าเกมต้นฉบับ แม้แต่ม็อดที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุดก็มักจะทำงานเกินขอบเขตของเกมต้นฉบับ จึงอาจส่งผลให้เกิดความยุ่งเหยิงที่ไม่คาดฝันกับการรันเกม ซึ่งนักพัฒนาอาจไม่ได้แก้ไข
Minecraft* เป็นตัวอย่างที่ดีของกรณีนี้
Minecraft* อาจดูไม่เหมือนเกมที่ใช้ทรัพยากรสูงเพราะมีแค่โพลีกอนรูปกล่องและพื้นผิวราบ จนกระทั่งคุณเพิ่มม็อดมากขึ้นเรื่อยๆ ใน Minecraft* มีม็อดสำหรับทุกสิ่ง ตั้งแต่ระบบจัดเก็บไอเท็ม การเพิ่มแผนที่ขนาดเล็ก ไปจนถึงการเปลี่ยนเลย์เอาต์ของโลกในเกมด้วยอัลกอริทึม
โลกของ Minecraft* สามารถมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลและถูกสร้างขึ้นจากบล็อกที่โปรเซสเซอร์ของคุณต้องแสดงผลเป็นรายตัว นอกจากนี้ Minecraft* ยังได้รับการเขียนโปรแกรมขึ้นด้วย Java*1 และใช้ข้อมูลวอกเซลอย่างมากมาย2 ซึ่งต่างก็ใช้งาน CPU (หน่วยประมวลผลกลาง) อย่างเข้มข้นได้
การเพิ่มม็อดอย่างเช่นแสงไฟที่ซับซ้อนมากขึ้นและแพคพื้นผิวความละเอียดสูงสามารถเพิ่มเวิร์คโหลดให้กับฮาร์ดแวร์ของคุณอย่างมาก แม้แต่เกมที่ดูเรียบง่ายอย่าง Minecraft* ก็ยังสามารถใช้ทรัพยากรสูงพอสมควรเมื่อคุณเริ่มปรับแต่งด้วยม็อด
การเลือก CPU
ม็อดสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบพื้นฐานของเกม รวมถึงการเพิ่มวัตถุใหม่ ตัวละครที่ไม่สามารถเล่นได้ และฟิสิกส์ที่ปรับแก้ใหม่ ตัวอย่างเช่น ม็อด Skyrim* Immersive Creatures ที่นำศัตรูประเภทใหม่มากมายพร้อมปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่เหมือนใครมาสู่ The Elder Scrolls V: Skyrim*
การเพิ่มสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อใช้ควบคู่กับม็อดที่ใช้ทรัพยากรมากอาจทำให้ CPU ของระบบทำงานหนักขึ้น3 ส่งผลให้ เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ เช่น อัตราเฟรมไม่สม่ำเสมอ CPU ที่มีความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงและหลายแกนประมวลผลสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้
ม็อดบางตัวมอบความสามารถในการสู้เต็มที่ให้กับผู้ที่ต้องการปรับจูนสมรรถนะดั่งใจ ตัวอย่างเช่น ม็อด “Skyrim* Configurator” ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเปิดใช้งานการประมวลผลแบบขนานใน Skyrim* ได้ แม้ว่าเกมนี้จะมีอายุเกือบหนึ่งทศวรรษแล้วก็ตาม ด้วยเครื่องมือการกำหนดค่าที่ทรงพลังนี้ ผู้เล่นจึงสามารถมอบหมายงานประมวลผลที่เกี่ยวข้องกับ Skyrim* ไปยังคอร์และเธรดต่าง ๆ ของ CPU ได้ งานประมวลผลเหล่านี้อาจมีต้นกำเนิดมาจากเกมต้นฉบับหรือมาจากม็อดก็ได้ การแบ่งงานแบบนี้จึงทำให้ Skyrim* สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีโปรเซสเซอร์ที่เกิดขึ้นหลังจากเกมนี้วางจำหน่ายในปี 2011
ทำไมถึงต้อง SSD
การอัปเกรดเป็นไดรฟ์ Solid-State ไปพร้อมๆ กับการอัปเกรด CPU สามารถปรับปรุงประสบการณ์ใช้ม็อดได้อย่างมาก ม็อดเข้าถึงข้อมูลจากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเช่นเดียวกับเกม จึงอาจส่งผลให้มีระยะเวลาโหลดช้าและปัญหาต่างๆ มากมาย ถ้าไดรฟ์จัดเก็บข้อมูลของคุณช้า
เนื่องจาก SSD เข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์แบบดั้งเดิม (HDD) คุณจึงพบว่าทุกโปรแกรมที่ทำงานจาก SSD จะโหลดเร็วขึ้น รวมถึงเกมที่มีม็อดด้วย ถ้าคุณยังคงใช้ HDD เพื่อจัดเก็บเกมหรือม็อดอยู่ การอัพเกรดเป็น SSD อาจส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อสมรรถนะ
GPU ที่ใช่
GPU ที่ทรงพลังมากพอจะมีประโยชน์เมื่อคุณเริ่มดัดแปลงรูปร่างหน้าตาของเกม ตัวอย่างเช่นการดัดแปลงเกมเก่าๆ เพื่อใช้ประโยชน์จาก GPU รุ่นใหม่ ม็อดยกเครื่องกราฟิกขนานใหญ่สามารถอัพเดทแสงไฟ พื้นผิว และการปรับปรุงภาพอื่นๆ ที่อาจยืดอายุของเกมได้อย่างมาก
GPU ที่มี vRAM ขนาด 2GB คงจะเพียงพอเมื่อปี 2013 แต่เกมและม็อดสมัยนี้ต้องการการ์ดวิดีโอที่ทรงพลังกว่า จำเป็นต้องใช้ vRAM มากขึ้น4 เพื่อแสดงผลพื้นผิวและวัตถุ 3 มิติในเกมสมัยใหม่ที่มีภาพกราฟิกที่สวยงาม ซึ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น และมีขนาดใหญ่ขึ้น หากไม่มี GPU แยกที่ทรงพลังเพื่อรับมือกับงานหนักเหล่านี้ อัตราเฟรมของคุณก็จะลดลงเนื่องจากจะต้องดึงทรัพยากรอื่นๆ ในระบบเข้ามาชดเชย
การขยายขนาด RAM
เมื่อผู้เล่นได้สัมผัสกับอิสระในการเล่นเกมในแบบที่พวกเขาต้องการแล้ว พวกเขาอาจพบว่าไม่อาจหยุดอยู่แค่ม็อดเดียวได้ ถึงแม้การดัดแปลงแต่ละอย่างที่ทำกับ Minecraft* นั้นจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ถ้าใช้ร่วมกันหลายๆ ตัวก็หนักพอสมควร ตัวอย่างเช่น The Biggest Modpack* คือคอลเล็คชั่นม็อดหลายสิบตัว การรันม็อดทั้งหมดนี้ในคราวเดียวจะต้องใช้ทรัพยากรอย่างมาก
ในขณะที่เล่นเกม RAM เป็นส่วนที่จัดเก็บชุดข้อมูล5 อย่างเช่น ตัวแปรต่างๆ (เช่น ค่าพลังชีวิตหรือกระสุน)6 และแอสเซทภาพไว้ชั่วคราวเพื่อการเรียกใช้งานที่รวดเร็ว7 หนึ่งในผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการติดตั้งม็อดมากเกินไปก็คือการใช้งาน RAM เกินขีดจำกัด และนี่อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพต่างๆ เช่น อัตราเฟรมลดน้อยลง8 เนื่องจากส่วนที่เหลือในระบบของคุณถูกบังคับให้ทำงานชดเชย9
ความต้องการของระบบขั้นต่ำสำหรับ Minecraft* แบบวนิลา (หมายถึงไม่ได้ดัดแปลงอะไรเลย) คือ RAM ขนาด 4GB แต่ผู้เล่นที่ใช้ม็อดจะต้องสงวน 6GB หรือมากกว่าเพื่อให้เกมทำงานอย่างถูกต้อง หากคุณวางแผนที่จะใช้ม็อดกับ Minecraft อย่างหนัก RAM ขนาด 8GB เป็นขนาดเริ่มต้นที่ดี และยิ่งมากกว่านี้ก็ยิ่งดี RAM ขั้นต่ำ 8GB คือขนาดต่ำสุดสำหรับประสบการณ์เล่นเกมสมัยใหม่ที่ดีเยี่ยม
การอัพเกรดฮาร์ดแวร์เพื่อประสบการณ์ใช้ม็อดที่ดีขึ้น
การใช้ม็อดเกมพีซีเป็นวิธีการปรับแต่งประสบการณ์การเล่นให้ตรงตามใจคุณ และทำให้เกมกลายเป็นของคุณเองอย่างแท้จริง หากคุณทุ่มเทแรงกายและเวลาไปกับการปรับแต่งซอฟต์แวร์ การทำให้ฮาร์ดแวร์ของคุณรับมือกับงานนี้ได้ก็เข้าท่า ม็อดสามารถขยับขยายข้อกำหนดของระบบที่นักพัฒนาแนะนำให้สูงขึ้นไปอีก ดังนั้นอย่าลืมตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้น หากคุณต้องการติดตั้งม็อด