วิธีการประกอบพีซีสำหรับเล่นเกม - Intel

การแยกกระบวนการประกอบพีซีสำหรับการเล่นเกมออกเป็นขั้นตอนต่างๆ ที่จัดการได้ ช่วยลดความยุ่งยากลงได้เป็นอย่างมาก แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ แต่ไม่ต้องกลัวไป: คุณไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการประกอบมาก่อน

จุดเด่น:

  • การประกอบพีซีของคุณเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการทำให้แน่ใจว่าเครื่องของคุณจะตรงตามความต้องการและความพึงพอใจของคุณอย่างครบถ้วน

  • พิจารณาถึงประเด็นที่คุณต้องการอย่างถี่ถ้วนก่อนการเลือกส่วนประกอบต่างๆ ของคุณ รวมไปถึงงบประมาณที่มี

  • เริ่มคำนึงถึง CPU เป็นอันดับแรกในขณะที่วางแผนประกอบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากตัวเลือกของคุณจะเป็นตัวกำหนดระดับประสิทธิภาพของระบบ และความเข้ากันได้กับส่วนประกอบรุ่นถัดไป

  • การประกอบพีซีโดยใช้ขั้นตอนที่ทำตามได้ง่ายและแยกต่างหากเป็นแนวทางที่ดีในการเรียนรู้เกี่ยวกับทำงานของส่วนประกอบแต่ละอย่าง

author-image

โดย

การประกอบพีซีสำหรับการเล่นเกมตั้งแต่เริ่มต้นเป็นแนวทางที่แน่นอนที่สุดในการทำให้แน่ใจว่าระบบของคุณจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการส่วนตัวของคุณได้อย่างครบถ้วน เมื่อคุณตัดสินใจเกี่ยวกับทุกสิ่งที่จะใส่เข้าไปในพีซีโดยเริ่มตั้งแต่พาวเวอร์ซัพพลายได้แล้ว คุณก็จะรู้ได้ว่าคุณจะสามารถเล่นเกมที่ต้องการเล่นในอัตราเฟรมที่ต้องการได้ และพีซีแบบประกอบใช้งานที่บ้านนั้นมีช่องทางพร้อมสำหรับการอัปเกรดเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป ความต้องการและความชอบในการเล่นเกมของคุณเปลี่ยนแปลงไป หรืองบประมาณของคุณเพียงพอ

แม้ว่าการประกอบพีซีอาจดูซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณทำงานภายในแชสซีเป็นครั้งแรก แต่คุณอาจพบว่านี่เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าที่คุณคิดเยอะ คู่มือแนะนำแบบทีละขั้นตอนอย่างครอบคลุมนี้จะพาคุณสำรวจกระบวนการประกอบเครื่องพีซีสำหรับเล่นเกมของคุณเอง พร้อมกับมีเคล็ดลับมากมายสำหรับทุกขั้นตอนจากนักประกอบพีซีผู้เชี่ยวชาญของเรา

ดูว่าพีซีแบบสำเร็จรูป หรือแบบกำหนดเองนั้นที่เหมาะสำหรับคุณ

การเตรียมการ 1: เครื่องมือประกอบพีซี

ก่อนที่จะเริ่มประกอบคอมพิวเตอร์ คุณจะต้องรวบรวมเครื่องมือต่างๆ ให้ครบก่อน การเตรียมวัสดุและพื้นที่ทำงานของคุณล่วงหน้าจะช่วยให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการประกอบจะเป็นไปอย่างราบรื่น

  • พื้นที่ทำงาน คุณจะต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โต๊ะ ในการทำงาน ตรวจสอบว่าคุณยืนบนพื้นผิวที่ไม่ใช่พรม เพื่อป้องกันการถ่ายเทประจุไฟฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ (ซึ่งอาจทำให้ส่วนประกอบที่บอบบางเสียหายได้)
  • ไขควง คุณจะต้องใช้ไขควง Phillips #2 สำหรับทุกอย่าง หากคุณติดตั้งอุปกรณ์ M.2 คุณจะต้องใช้ไขควง Phillips #0
    เคล็ดลับ: ไขควงแม่เหล็กช่วยป้องกันไม่ให้สกรุหล่นลงไปในเคส และไม่ทำให้ชิ้นส่วนเสียหาย
  • แฟลชไดร์ฟ USB คุณจำเป็นต้องมีแฟลชไดร์ฟที่มีขนาด 8 GB ขึ้นไปเพื่อจัดเก็บเครื่องมือติดตั้งสำหรับระบบปฏิบัติการที่คุณจะใช้

  • ระบบการจัดระเบียบ ส่วนประกอบส่วนใหญ่มาพร้อมกับชิ้นส่วนเพิ่มเติม โดยชิ้นส่วนบางตัวเป็นส่วนเสริม และชิ้นส่วนบางตัวต้องใช้สำหรับการติดตั้ง คุณต้องมีวิธีเก็บชุดสกรู ที่รัดสายไฟ สาย คู่มือ ฯลฯ แยกตามแต่ละส่วนประกอบ หากไม่มีการจัดระเบียบอย่างเหมาะสม สิ่งของเหล่านี้อาจปนกันได้ง่าย เคล็ดลับ: สำหรับสกรูแบบต่างๆ เราแนะนำให้ใช้ถาดฮาร์ดแวร์แม่เหล็ก หรืออะไรก็ได้ที่มีช่องเล็กๆ หลายช่อง เช่น กล่องใส่ไข่ หรือกล่องใส่อุปกรณ์เปล่า
  • แหล่งกำเนิดแสงมากกว่าหนึ่งแหล่ง ประกอบในพื้นที่ที่มีแสงเพียงพอจากแหล่งกำเนิดแสงมากกว่าหนึ่งแหล่ง เพื่อที่คุณจะไม่ต้องกังวลกับการบังแหล่งกำเนิดแสงที่มีอยู่ที่เดียวเมื่อคุณก้มๆ เงยๆ ที่อยู่ที่ตัวเครื่อง
    เคล็ดลับ: แหล่งแสงสว่างแบบเคลื่อนย้ายได้จะช่วยให้แสงสว่างในซอกมุมของเคส แหล่งกำเนิดแสงเพิ่มเติม เช่น ไฟฉาย ไฟฉายคาดศีรษะ สมาร์ทโฟน หรือโคมไฟตั้งโต๊ะจะมีประโยชน์มาก
  • สายรัดข้อมือกันไฟฟ้าสถิต อุปกรณ์นี้ไม่ถึงกับจำเป็นมาก แต่จะเป็นประโยชน์ในการช่วยให้มั่นใจว่าคุณจะไม่ทำให้ส่วนประกอบที่บอบบางเสียหายโดยไม่ตั้งใจจากไฟฟ้าสถิต (แม้ว่าจะเกิดขึ้นน้อยมาก แต่ปลอดภัยไว้ก่อนย่อมดีกว่า และสายรัดป้องกันไฟฟ้าสถิตนั้นก็มีราคาที่ไม่แพงเลย)
  • ที่รัดสายไฟ แม้ว่าจะไม่จำเป็น แต่การรัดสายเข้าไว้ด้วยกันจะช่วยให้ด้านในของพีซีคุณดูเรียบร้อยขึ้น หากคุณไม่ต้องการซื้อที่รัดสายไฟ คุณสามารถใช้ลวดมัดเพื่อทำให้เรียบร้อยได้ (คุณจะได้ลวดนี้จำนวนมากจากบรรจุภัณฑ์ของส่วนประกอบของคุณ) คุณยังสามารถใช้สายรัดตีนตุ๊กแกได้ด้วย ซึ่งอาจรวมเข้าไปด้วยได้ในบางกรณี
  • กรรไกร สุดท้ายนี้ คุณจะต้องใช้กรรไกร และคีมตัดสายไฟเพื่อใช้ตัดสายซิปไทร์ และแกะส่วนประกอบต่างๆ

การเตรียมการ 2: เคสของพีซีสำหรับเล่นเกม

ก่อนที่คุณจะเริ่มเลือกชิ้นส่วน คุณควรจะมีเคส หรือคิดขนาดเคสไว้แล้วเป็นอย่างน้อย

สิ่งหลักที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกเคสคือที่ที่คุณจะวางคอมพิวเตอร์

ตำแหน่งจัดวางของพีซีคุณจะเป็นตัวกำหนดว่ามีขนาดใหญ่ได้เพียงใด และยังช่วยในการพิจารณาว่าคุณสมบัติต่างๆ ของเคสชั้นยอดนั้นคุ้มค่าแก่การทุ่มทุนซื้อหรือไม่ คุณอาจไม่ต้องการแผงกระจกนิรภัย หากเก็บคอมพิวเตอร์ไว้ด้านล่างโต๊ะของคุณ เช่น

โดยปกติแล้ว เคสจะมีอยู่สามขนาดคือ Full-Tower, Mid-Tower และ Mini-Tower หมวดหมู่เหล่านี้เป็นหมวดหมู่ที่ใช้กันทั่วไป (ขนาดของเคสไม่ได้เป็นมาตรฐานเดียวกันในหมู่ผู้ผลิต) แต่ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของเมนบอร์ด

  • เคสแบบ Full-Tower มีการออกแบบมาให้เหมาะกับเมนบอร์ด Extended-ATX และเมนบอร์ด ATX มาตรฐาน โดยปกติแล้ว เคสจะมีความสูง 22-24 นิ้ว ยาว 18-20 นิ้ว และกว้าง 8 นิ้วโดยประมาณ คุณมีแนวโน้มที่จะใช้เคส Full-Tower หากต้องการใช้เมนบอร์ด Extended-ATX (ถึงแม้ว่าเคส Mid-Tower จะพอดีกับเมนบอร์ด Extended-ATX ก็ตาม) หรือหากคุณต้องการใส่ระบบระบายความร้อนเสริม หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติม แม้ว่าเคสแบบ Full-Tower จะสามารถใส่เมนบอร์ด Mini-ITX ได้เหมือนกัน แต่ไม่มีข้อดีที่เห็นได้ชัดจากการประกอบคอมพิวเตอร์ในรูปแบบดังกล่าว
  • เคสแบบ Mid-Tower มีการออกแบบมาให้เหมาะกับเมนบอร์ด ATX มาตรฐาน โดยทั่วไปแล้ว Mid-Tower คือขนาดเคสที่ใช้กันทั่วไป ขนาดอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่โดยปกติแล้วจะมีความสูง 18-20 นิ้ว ความยาว 17-20 นิ้ว และความกว้าง 6-8 นิ้วโดยประมาณ โดยปกติแล้ว เคสเหล่านี้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการประกอบเครื่องเล่นเกมที่มีการ์ดกราฟิกสองตัว ฮาร์ดไดรฟ์หลายลูก และระบบระบายความร้อนขนาดปานกลาง
  • เคสแบบ Mini-Tower หรือเครื่องที่ใช้ฟอร์มแฟคเตอร์ขนาดเล็ก (SFF) มีขนาดกะทัดรัดและออกแบบมาให้เหมาะสำหรับเมนบอร์ดขนาดเล็ก เช่น เมนบอร์ด Mini-ITX อุปกรณ์เหล่านี้จำเป็นต้องมีการจัดระเบียบและการจัดการสายอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะ เคสแบบ Mini-Tower ที่ใช้เมนบอร์ด Mini-ITX ดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องวางแผนการประกอบ และระบบระบายความร้อนอย่างพิถีพิถัน นอกจากนี้คุณอาจต้องใช้ชิ้นส่วนที่สร้างมาเพื่อเครื่องขนาดเล็กโดยเฉพาะ และอย่าลืมว่าคุณจะต้องเหลือพื้นที่ไว้เล็กน้อยสำหรับอัปเกรดเครื่องหลังจากที่ประกอบเสร็จแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้เราจะไม่แนะนำนักประกอบมือใหม่ แต่การประกอบแบบ SFF อาจเป็นความท้าทายที่สนุกสนาน หลังจากที่คุณประกอบเครื่องเสร็จสักเครื่องสองเครื่อง

เมื่อคุณได้ขนาดที่ต้องการแล้ว ให้มองหาเคสที่มีขนาดใกล้เคียงกับขนาดนั้น หากคุณยังไม่ได้ตัดสินเลือกขนาดใดขนาดหนึ่ง ขนาดที่ใหญ่กว่ามักจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า คุณจะพบว่าเคสที่ใหญ่กว่านั้นทำการประกอบได้ง่าย และอัปเกรดพีซีในภายหลังได้อย่างราบรื่นยิ่งกว่า

ถึงกระนั้นก็ตาม ในขณะที่ขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยนั้นดีกว่า แต่ขนาดที่ใหญ่มากก็ไม่ได้ดีกว่าเสมอไป เพราะว่าเคสขนาดใหญ่อาจมีจุดที่มีความร้อนหลายจุดหากไม่ได้รับการระบายความร้อนอย่างเหมาะสม

เคสทุกขนาดมีพร้อมจำหน่ายในราคาต่างๆ คุณจึงสามารถหาเคสที่ตรงกับงบได้ไม่ยาก เคสที่มีราคาสูงอาจมีคุณสมบัติการอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม เช่น การลดเสียง วัสดุผลิตเคสที่มีคุณภาพสูงกว่า กรอบไดรฟ์ที่ถอดออกได้ และการจัดการสายที่น่ามองกว่า แต่คุณสมบัติเหล่านี้มักจะไม่มีผลต่อประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด

การเตรียมการ 3: ชิ้นส่วนของพีซีสำหรับเล่นเกม

ตอนนี้ถึงเวลาเริ่มประกอบส่วนประกอบเข้าด้วยกันแล้ว ขั้นตอนนี้สามารถเป็นการลงมือทำเองหรือไม่ลงมือทำเองได้ตามที่คุณต้องการ โดยคุณสามารถศึกษาส่วนประกอบแต่ละตัวอย่างละเอียดด้วยตัวคุณเองเครื่องแบบปรับแต่งเองตั้งแต่ต้น หรือคุณสามารถค้นหาเครื่องประกอบแล้วทางออนไลน์ และสร้างและปรับเครื่องนั้นให้เหมาะสมกับงบและความต้องการของคุณ นี่คือสิ่งต่างๆ ที่คุณจำเป็นต้องคำนึงถึงในขณะที่คุณเริ่มต้น:

  • งบประมาณ เราขอแนะนำให้คิดงบประมาณให้เรียบร้อยก่อนที่คุณจะเริ่มเลือกส่วนประกอบ คุณสามารถอัปเกรดชิ้นส่วนแต่ละชั้นได้ในภายหลัง
  • ความเข้ากันได้ สร้างรายการประกอบก่อนตัดสินใจซื้อ ส่วนประกอบทั้งหมดต้องเข้ากันได้กับส่วนประกอบอื่นๆ ทั้งหมด
  • ข้อกำหนดของระบบ หากคุณกำลังประกอบพีซีเครื่องนี้ เพราะคุณต้องการเล่นเกมบางเกม โปรดเข้าไปดูข้อกำหนดของระบบที่แนะนำของเกมดังกล่าว แล้วจึงวางแผนตามนั้น

นอกจากเคสแล้ว ส่วนประกอบที่คุณต้องมีสำหรับการประกอบพีซีสำหรับเล่นเกมมีดังนี้:

มาดูกันว่าส่วนประกอบแต่ละตัวทำอะไรบ้าง ทำไมถึงมีความจำเป็น และสิ่งที่คุณต้องมองหาเมื่อเลือกซื้อส่วนประกอบ

หน่วยประมวลผลกลาง (CPU)

CPU คือสมองของพีซีคุณ ซึ่งทำหน้าที่ดำเนินการคำสั่งที่จำเป็นสำหรับโปรแกรมที่จะรัน โดยสั่งงานไปยังส่วนประกอบอื่นๆ ทั้งหมด นี่จะส่งผลต่อประสบการณ์ของคุณในทุกแง่มุม รวมถึงการเล่นเกม การสตรีมมิ่ง การสร้างคอนเทนต์ และการมัลติทาสกิ้ง การเลือก CPU ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างพีซีสำหรับเล่นเกม

ในขณะที่เลือก CPU สำหรับเล่นเกม ให้มองหาโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ ที่มีคอร์และเธรดจำนวนมาก รวมถึงมีความถี่เทอร์โบสูงสุดในระดับสูง ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุดที่เครื่องจะทำได้โดยใช้เทคโนโลยี Intel Turbo Boost เมตริกทั้งสองนี้มีผลต่อประสิทธิภาพอย่างมาก

  • CPU ที่มีความถี่เทอร์โบสูงสุดในระดับสูงจะมีประสิทธิภาพแบบเธรดเดียวที่ยอดเยี่ยม ซึ่งจะช่วยเพิ่ม FPS ของคุณในเกมที่ต้องใช้การประมวลผลสูง
  • ในขณะเดียวกัน คอร์และเธรดที่มากขึ้นจะช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ พร้อมกันได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยให้ระบบของคุณทำงานราบรื่นและตอบสนองได้ดีขณะที่สลับใช้งานหลายแอป (เช่น เกมของคุณ, Discord และซอฟต์แวร์สตูดิโอการสตรีม) นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณเล่นเกมที่ได้รับการปรับเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการเรนเดอร์หลายเธรดได้อย่างราบรื่น เช่น Valorant1 และ Fortnite รวมถึงเกมที่มีเรขาคณิตจำนวนมากอย่าง Minecraft

หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)

การ์ดกราฟิกแบบแยก เช่น Intel® Arc™ A-series GPU เป็นส่วนประกอบขนาดใหญ่ที่ทรงพลังที่เสียบเข้าไปในช่อง PCIe x16 บนเมนบอร์ด PC ของคุณ GPU ที่ใช้ร่วมกับ CPU จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ FPS ในเกมของคุณ และเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นยิ่งสำหรับทุกคนที่ต้องการเล่นเกมที่ใช้กราฟิกอย่างหนักหน่วงและใช้การประมวลผลสูง

Intel® Arc™ A-series GPU ยังรองรับเทคนิคการเรนเดอร์ระดับสูง Ray Tracing และการอัปสเกล XeSS ซึ่งอัปเสกลความละเอียด 1080p เป็น 4K เพื่อส่งมอบภาพที่มีความแม่นยำสูงที่มีประสิทธิภาพที่ราบรื่น

ในขณะที่เปรียบเทียบ GPU สำหรับอุปกรณ์ของคุณนั้น ให้ลองค้นคว้าคะแนนการวัดประสิทธิภาพออนไลน์ หรือดูความต้องการของระบบที่แนะนำของเกมที่กำลังจะเปิดตัว ซึ่งอยากจะเล่น แล้วจึงค่อยเริ่มต้นจากจุดนั้น

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกราฟิก Intel® Arc™ A-series

เมนบอร์ด

เมนบอร์ดคือแผงวงจรหลักที่เชื่อมต่อกับทุกอย่าง CPU จะอยู่บนเมนบอร์ด และส่วนประกอบอื่นๆ ทั้งหมด เช่น การ์ดกราฟิก ฮาร์ดไดรฟ์ หน่วยความจำ ออปติคอลไดรฟ์ และการ์ดไร้สายจะเชื่อมต่อเข้ากับเมนบอร์ด

วิธีหนึ่งที่ช่วยจำกัดตัวเลือกเมนบอร์ดของคุณคือการเลือกซื้อตามขนาด ฟอร์มแฟคเตอร์ที่ใช้กันทั่วไปคือ Extended ATX, ATX, Micro-ATX และ Mini-ITX

  • Extended ATX มีขนาดใหญ่ที่สุด (12 x 13 นิ้ว หรือ 12 x 10.1 นิ้ว) และมักจะมีช่องเสียบ RAM แปดช่อง (RAM สูงสุด 128GB)
  • เมนบอร์ด ATX มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย (12 x 9.6 นิ้ว) และโดยปกติจะมีช่องเสียบ RAM ถึงสี่ช่อง
  • เมนบอร์ด MicroATX (9.6 x 9.6 นิ้ว) มีช่องเสียบ RAM สูงสุดสี่ช่องเช่นกัน
  • เมนบอร์ด Mini-ITX เป็นฟอร์มแฟคเตอร์ที่เล็กที่สุดจากฟอร์มแฟคเตอร์ทั้งสี่ (6.7 x 6.7 นิ้ว) และมักมีช่องเสียบ RAM สองช่อง

เนื่องจากส่วนประกอบทั้งหมดจะถูกเสียบเข้ากับเมนบอร์ด นี่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเลือกแผงวงจรที่ใหญ่พบจะใส่ฮาร์ดแวร์ในปัจจุบัน และในอนาคตได้

ขนาดอาจไม่ได้เป็นแค่ปัจจัยเดียว เมนบอร์ด ของคุณจำเป็นต้องเข้ากับส่วนประกอบที่คุณจะเชื่อมต่อ ทั้งสำหรับอุปกรณ์ในปัจจุบันของคุณ และการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ใดๆ ที่คุณจะทำในอนาคต (ตรวจสอบได้ใน Intel® Desktop Compatibility Tool)

เมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ จะมีข้อได้เปรียบในการรองรับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและมาตรฐานล่าสุด เช่น เลือกชิปเซ็ต Intel® 600-ซีรีส์ ซึ่งรองรับส่วนประกอบรุ่นใหม่ที่ทรงพลัง อาทิ DDR5 RAM, กราฟิก PCIe 5.0 และ SSD รวมถึง Intel® Killer™ Wi-Fi 6E ในตัว

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการเลือกเมนบอร์ด

หน่วยความจำ (RAM)

หน่วยความจำชั่วคราว (RAM) เป็นหน่วยความจำระยะสั้นของพีซีของคุณ นี่เป็นส่วนที่แอปพลิเคชันใช้จัดเก็บข้อมูลชั่วคราวที่จำเป็นต้องเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือ “รายการคำสั่ง” ที่ CPU ใช้อ่านและดำเนินการ

เพื่อให้เล่นเกมในปี 2022 ได้ คุณจะต้องใช้ RAM อย่างน้อย 16GB ทั้งนี้หากคุณวางแผนที่จะเรียกใช้กระบวนการหลายอย่างพร้อมกัน เช่น สตรีมมิ่งเกม หรือการดัดแปลงเกมอย่างหนัก คุณจำเป็นจะต้องมี RAM มากกว่านี้

สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรคำนึงถึงเมื่อทำการเลือกซื้อ RAM คือเมนบอร์ดและโปรเซสเซอร์รองรับ RAM แบบใดบ้าง RAM ที่มีความเร็วเกินกว่าที่ระบบของคุณรองรับจะลดความเร็วลงเพื่อให้ทำงานที่ขีดความสามารถของระบบ

เคล็ดลับ: เราไม่แนะนำให้ผสมชุด RAM จากผู้ผลิตหลายราย แม้ว่าจะโฆษณาว่ามีความเร็วเท่ากันก็ตาม เนื่องจากข้อกำหนดจำเพาะอาจมีความแตกต่างกันไป

เคล็ดลับ: หากคุณตัดสินใจที่จะใช้ RAM ความเร็วสูง ให้มองหา RAM ที่รองรับ Intel® Extreme Memory Profile (Intel® XMP) เพราะ RAM ความเร็วสูงจะทำงานที่ความเร็วมาตรฐาน (ช้ากว่าที่โฆษณา) เว้นแต่ว่าจะทำการโอเวอร์คล็อก2 ซึ่ง Intel® XMP ทำให้การโอเวอร์คล็อกเป็นเรื่องง่ายด้วยการจัดโปรไฟล์แบบกำหนดล่วงหน้าและผ่านการทดสอบแล้วมาให้คุณ

อ่านคำแนะนำเกี่ยวกับ RAM ที่ครอบคลุมของเรา

อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล: ไดรฟ์ Solid State (SSD), ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD)

อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลมีอยู่สองประเภทคือ ไดรฟ์ Solid-State (SSD) และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) โดยแต่ละประเภทจะมีข้อดีข้อเสียเป็นของตัวเอง ทว่าข่าวดีก็คือคุณไม่จำเป็นต้องเลือกแค่ประเภทเดียว

คุณมักจะต้องการ SSD ในอุปกรณ์ของคุณ ไดรฟ์เหล่านี้ทำงานได้เร็วกว่ามาก และมีแนวโน้มที่จะเกิดความล้มเหลวทางกลไกน้อยกว่า HDD และเกมสมัยใหม่บางเกมก็เริ่มต้องการใช้ไดรฟ์เหล่านี้ คุณจะพบ SSD ได้ใน 2 โปรโตคอล:

  • Serial Advanced Technology Attachment (SATA) เป็นโปรโตคอลที่เก่ากว่า โดยทำงานด้วยความหน่วงสูงกว่าและแบนด์วิธสูงสุดต่ำกว่า
  • Non-Volatile Memory Express (NVMe) ซึ่งใช้อินเทอร์เฟซ PCIe เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

แนะนำให้คุณติดตั้ง HDD ลงในอุปกรณ์ของคุณด้วยเช่นกัน ข้อได้เปรียบของ HDD ก็คือราคาที่ต่ำกว่า และความจุอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มากกว่า ซึ่งจะช่วยให้คุณจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นในราคาที่ไม่ค่อยแพง HDD มาในฟอร์มแฟคเตอร์สองขนาด:

  • 2.5 นิ้ว ซึ่งเป็นแบบที่พบเห็นได้ทั่วไปในแล็ปท็อปและปกติแล้วจะหมุนที่อัตราความเร็ว 5400 RPM (รอบต่อนาที)
  • 3.5 นิ้ว ซึ่งเป็นแบบที่พบเห็นได้ทั่วไปในเดสก์ท็อป และหมุนที่อัตราความเร็วสูงกว่า ซึ่งอาจสูงถึง 7200 RPM

คุณไม่จำเป็นต้องเลือกอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเพียงประเภทเดียว หลายคนใช้ SSD ขนาดเล็กเป็นไดรฟ์บูท (สำหรับระบบปฏิบัติการ เกม และโปรแกรมอื่นๆ) และใส่แท่นวางที่เหลือด้วย HDD ราคาถูกกว่าเพื่อให้ได้ความจุของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่สูงที่สุด

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือก SSD และ HDD สำหรับอุปกรณ์ของคุณ

หน่วยพาวเวอร์ซัพพลาย (PSU)

การเลือกพาวเวอร์ซัพพลาย (PSU) เป็นขั้นตอนสำคัญในการประกอบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เพราะ PSU ต้องได้รับการผลิตมาเป็นอย่างดีและทรงพลังพอที่จะรองรับส่วนประกอบในปัจจุบันและในอนาคตได้ และการมีการรับประกันก็เป็นทางเลือกที่ดี

PSU มีในแบบถอดสายไม่ได้ แบบถอดสายได้บางสาย และแบบถอดสายได้ทุกสาย

  • PSU แบบถอดสายไม่ได้ มีสายทั้งหมดติดอยู่แบบถาวร เป็นตัวเลือกที่ราคาถูกที่สุด แต่คุณต้องหาที่จัดเก็บสายทั้งหมดที่คุณรู้ดีว่าจะไม่ได้ใช้ไว้ สายจำนวนมากเกินไปทำให้จัดการสายได้ไม่ดี ซึ่งอาจไปขวางกั้นการไหลเวียนของอากาศและมีผลต่อประสิทธิภาพของพีซีในท้ายที่สุด
  • PSU แบบถอดสายได้บางสาย เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ PSU เหล่านี้มีสายที่จำเป็นมากมายติดมาด้วยกัน และมีราคาถูกกว่าแบบถอดสายได้ทุกสาย
  • PSU แบบถอดสายได้ทุกสาย ใช้งานได้ง่ายกว่า PSU แบบถอดสายได้บางสาย แต่ความสะดวกสบายมักมาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้น

เคล็ดลับ: เครื่องคำนวณจำนวนวัตต์ PSU จะช่วยให้คุณทราบได้ว่าคุณจำเป็นต้องใช้วัตต์เท่าไร

เรียนรู้วิธีการเลือก PSU ที่เหมาะสม

การระบายความร้อน: การระบายความร้อน CPU และการไหลเวียนของอากาศในตัวเคส

วิธีการหลักในการระบายความร้อนให้กับพีซีของคุณมีอยู่สองวิธีคือการระบายความร้อนด้วยลมและการระบายความร้อนด้วยของเหลว

  • การระบายความร้อนด้วยลมใช้พัดลมเพื่อนำอากาศร้อนผ่านทางระบบของคุณและออกจากส่วนประกอบต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร้อนเกินไป ประโยชน์หลักๆ ของการระบายความร้อนด้วยลมคือค่าใช้จ่ายและการติดตั้งที่ง่าย (พัดลมมีขนาดเล็กลงและติดตั้งเข้ากับตัวเคสที่อัดแน่นได้ง่ายขึ้น) ข้อบกพร่องใหญ่ที่สุดของการระบายความร้อนด้วยลมคือความไร้ประสิทธิภาพ: การระบายความร้อนด้วยลมจะพึ่งพาการไหลเวียนของอากาภายในเคสโดยไม่มีสิ่งกีดขวางเพื่อนำอากาศร้อนออกจากส่วนประกอบ ดังนั้นหากการไหลเวียนของอากาศไม่เพียงพอก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาได้
  • การระบายความร้อนด้วยของเหลวใช้น้ำยาหล่อเย็น (เช่น น้ำกลั่น) ในการดูดความร้อนจากส่วนประกอบและนำความร้อนไปยังพื้นที่ที่มีการจำกัดน้อยลง (ที่ที่วางหม้อน้ำ) การระบายความร้อนด้วยของเหลวพึ่งพาการไหลเวียนของอากาศภายในตัวเคสน้อยลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการระบายความร้อนให้กับส่วนประกอบเฉพาะเจาะจง ข้อด้อยของการระบายความร้อนด้วยน้ำคือระบบระบายความร้อนด้วยน้ำจะได้รับการบรรจุไว้ ซึ่งหมายความว่าระบบจะมีขนาดใหญ่และติดตั้งได้ยากกว่าระบบระบายความร้อนด้วยลมทั่วไป (และยังมีราคาสูงกว่าด้วย)

คุณมักจะมีสองตัวเลือก ในขณะที่สร้างพีซีที่ระบายความร้อนด้วยของเหลว: ตัวระบายความร้อนด้วยของเหลว All-in-One (AIO) หรือลูประบายความร้อนแบบกำหนดเอง

  • AIO เป็นยูนิตที่ประกอบไว้ล่วงหน้าที่ทำงานได้ด้วยตัวเอง พร้อมสำหรับการติดตั้งทันทีที่แกะกล่อง และต้องการการบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อย
  • ลูประบายความร้อนแบบกำหนดเองเป็นตัวเลือกการปรับแต่งขั้นสูงที่ช่วยให้คุณได้ควบคุมอุณหภูมิการทำงานของอุปกรณ์ (และประสิทธิภาพ) รวมถึงความสวยงามได้อย่างเต็มที่ ตัวเลือกนี้จำเป็นต้องอาศัยการค้นคว้าอย่างหนัก เนื่องจากคุณจะต้องวางแผนเส้นทางลูประบายความร้อนในทั่วทั้งเคส และประกอบลูปขึ้นมาจากชิ้นส่วนแบบกำหนดเอง

ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ระบบระบายความร้อนใด คุณก็ยังต้องการระบบระบายความร้อนสำหรับ CPU โดยเฉพาะอยู่ดี พัดลมระบายความร้อน CPU มีทั้งแบบฟอร์มแฟคเตอร์ลมและน้ำ และติดตั้งลงบน CPU โดยตรง เมื่อเลือกซื้อพัดลมระบายความร้อน CPU การตรวจสอบให้แน่ใจว่าพัดลมเข้ากันได้กับ CPU และมีขนาดพอดีกับเครื่องของคุณนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

ทำให้พีซีของคุณเย็น
เรียนรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับการระบายความร้อนด้วยของเหลว และด้วยอากาศ

อุปกรณ์ต่อพ่วง

จอภาพ คีย์บอร์ด เมาส์ หูฟัง และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วจะจบที่ความชอบส่วนตัว คุณไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เหล่านี้กับส่วนประกอบของคุณ แต่คุณจะต้องใช้จอภาพ คีย์บอร์ด และเมาส์เพื่อตั้งค่าระบบหลังจากที่ประกอบเสร็จ

เคล็ดลับ: ขณะเลือกอุปกรณ์ต่อพ่วง ให้คำนึงถึงความสมดุลของการประกอบเครื่อง หากคุณมีส่วนประกอบที่ดีที่สุดในโลกแต่คุณยังคงใช้จอภาพ 1080p 60Hz คุณจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ได้อย่างเต็มที่

สิ่งที่ควรพิจารณาเกี่ยวกับจอภาพสำหรับเล่นเกม ›

ระบบปฏิบัติการ (OS)

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คุณจะต้องเตรียมติดตั้งระบบปฏิบัติการเมื่อประกอบส่วนประกอบอื่นๆ ทั้งหมดลงในเคสแล้ว ในการเตรียมระบบปฏิบัติการของพีซีไว้ล่วงหน้า ให้คุณพิจารณาว่าคุณต้องการติดตั้งระบบปฏิบัติการใดลงในพีซีของคุณ และดาวน์โหลดตัวติดตั้งนั้นไว้ในแฟลชไดรฟ์ USB ขอแนะนำให้ใช้ Windows 11 เพื่อปลดล็อกศักยภาพของ Intel® Core™ CPU และ Intel® Arc™ GPU ล่าสุด คุณสามารถดาวน์โหลดตัวติดตั้งได้ที่นี่

ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้ง CPU

ชิ้นส่วน/เครื่องมือ: เมนบอร์ด, CPU

นำเมนบอร์ดออกจากบรรจุภัณฑ์กันไฟฟ้าสถิตและวางเมนบอร์ดบนพื้นผิวสำหรับทำงานของคุณ หาซ็อกเก็ต CPU ซึ่งจะถูกปิดไว้ด้วยฝาพลาสติก ตรงมุมของฝาพลาสติกหรือบนตัวซ็อกเก็ต คุณจะเห็นลูกศรเล็กๆ อยู่ โปรดจำว่าลูกศรอยู่ตรงนี้

คุณจะเห็นคันโยกโลหะเล็กๆ ข้างซ็อกเก็ต CPU กดคันโยกลงและค่อยๆ ดึงไปด้านข้าง (ออกจากซ็อกเก็ต) เพื่อเปิดถาดซ็อกเก็ต

เปิดกล่อง CPU และนำออกจากบรรจุภัณฑ์ ใช้ความระมัดระวังขณะหยิบ CPU เนื่องจาก CPU และซ็อกเก็ต CPU มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดความเสียหายทางกายภาพ ถือ CPU ตรงขอบและไม่แตะขาใต้ชิป เนื่องจากนิ้วมือของคุณอาจนำฝุ่นและน้ำมันไปที่ขา และพยายามอย่าจับด้านบนของชิปเช่นกัน

คุณจะเห็นลูกศรตรงมุมหนึ่งของ CPU จัดให้ลูกศรหันขึ้นเหมือนกับลูกศรบนซ็อกเก็ต และค่อยๆ วาง CPU ลงบนซ็อกเก็ต

เมื่อใส่ CPU เข้าที่อย่างนุ่มนวล แล้ว คุณสามารถกดคันโยกยึดลงและดันกลับให้เข้าที่ การกดคันโยกลงอาจต้องใช้แรงเล็กน้อย แต่การใส่ CPU ให้เข้าที่นั้นไม่ต้อง!

เคล็ดลับ: คุณไม่จำเป็นต้องถอดฝาครอบพลาสติกออก เพราะเมื่อคุณติดตั้ง CPU แรงตึงจากการติดตั้งจะทำให้ฝาเด้งหลุดออกมา หากคุณพยายามถอดฝาเอง คุณอาจทำให้ขาที่บอบบางด้านล่างเสียหายได้

เคล็ดลับ: CPU จะเข้าที่พอดีได้ด้านเดียวเท่านั้น และไม่ต้องใช้แรงดันให้เข้าที่ คุณค่อยๆ ขยับ CPU ให้เข้าที่ได้ แต่อย่ากระแทก ดัน กด หรือพยายามใช้แรงดัน CPU เข้าไปในซ็อกเก็ต

ขั้นตอนที่ 2: (ไม่บังคับ) ติดตั้ง M.2 SSD

ชิ้นส่วน/เครื่องมือ: เมนบอร์ด, M.2 SSD, ไขควง Phillips #0, คู่มือผู้ใช้ของเมนบอร์ด

หากคุณต้องการติดตั้ง M.2 SSD ตอนนี้เป็นช่วงที่ดีในการติดตั้ง ก่อนอื่นให้หาช่อง M.2 บนเมนบอร์ดของคุณ ซึ่งเป็นช่องเล็กๆ ในแนวนอนที่มีสกรูขนาดเล็กมากตามแนวขวาง หากคุณหาไม่เจอ หากคุณเจอช่อง M.2 หลายช่อง หรือหากคุณวางแผนที่จะติดตั้ง M.2 SSD มากกว่าหนึ่งตัว ให้ดูคู่มือผู้ใช้ที่มาพร้อมกับเมนบอร์ดของคุณ

ขันสกรูขนาดเล็กมากออกด้วยไขควง Phillips #0 อย่าทำหายล่ะ

ค่อยๆ เลื่อน M.2 SSD เข้าไปในช่อง เมื่อเข้าที่ดีแล้ว M.2 SSD จะอยู่เหนือเมนบอร์ดในมุมประมาณ 35 องศา ดัน SSD ลงและขันสกรูขนาดเล็กมากกลับเข้าไปเพื่อยึดให้เข้าที่

เคล็ดลับ: การติดตั้ง M.2 SSD อาจไปจำกัดการกำหนดค่าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบอื่นๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ใช้ SATA และ PCIe* AIC) ดังนั้นคุณจึงควรดูคู่มือผู้ใช้ของเมนบอร์ดในขณะที่วางแผนเรื่องอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

การแก้ไขปัญหา: หากเมนบอร์ดของคุณไม่รับรู้ M.2 SSD ที่ติดตั้งใหม่ว่าเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล คุณอาจต้องกำหนดค่าใน BIOS ด้วยตนเอง (ดูคำแนะนำเรื่อง BIOS ที่คู่มือผู้ใช้ของเมนบอร์ด)

ขั้นตอนที่ 3: ติดตั้งระบบระบายความร้อน CPU

ชิ้นส่วน/เครื่องมือ: เมนบอร์ดที่ติดตั้ง CPU แล้ว, พัดลมระบายความร้อน CPU, ซิลิโคน, คู่มือของพัดลมระบายความร้อน CPU

พัดลมระบายความร้อน CPU มีอยู่หลายประเภท สำหรับคำแนะนำการติดตั้งที่แม่นยำ เราแนะนำให้คุณดูคู่มือที่มาพร้อมกับพัดลมระบายความร้อน CPU ของคุณ

พัดลมระบายความร้อนบางตัวต้องใช้ขายึด เมนบอร์ดอาจมีขายึดติดตั้งไว้ก่อนแล้ว คุณอาจต้องถอดขายึดนี้ออกถ้าพัดลมระบายความร้อนไม่ต้องใช้ขายึด หรือเปลี่ยนขายึดนี้ถ้าพัดลมระบายความร้อนใช้ขายึดที่ไม่เหมือนกัน ให้ทำส่วนนี้ก่อนที่จำใส่เมนบอร์ดเข้าไปในเคส

พัดลมระบายความร้อนบางตัวมีซิลิโคนติดมากับวัสดุนำความร้อน (ซึ่งอยู่บน CPU) และบางตัวก็ไม่มี หากพัดลมระบายความร้อนของคุณไม่มีซิลิโคนติดมาให้ คุณจะต้องทาซิลิโคนเองก่อนที่จะใส่พัดลมระบายความร้อน ในการทาซิลิโคน ให้บีบเป็นเม็ดเล็กๆ (ไม่ใหญ่กว่าเม็ดข้าว) ลงบนตรงกลางของ CPU จากนั้นวางพัดลมระบายความร้อนบน CPU โดยแรงกดจะกระจายซิลิโคนออกอย่างพอเหมาะ

เคล็ดลับ: ควรบีบซิลิโคนครั้งแรกบนเศษกระดาษ เผื่อไว้ในกรณีที่เผลอบีบออกมามากเกินไป

เคล็ดลับ: หากพัดลมระบายความร้อนมีซิลิโคนติดมาแล้วและคุณต้องการใช้ซิลิโคนตัวอื่น คุณสามารถเช็ดซิลิโคนออกได้โดยใช้ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ 90% และผ้าที่ไม่เป็นขุย โดยเราแนะนำให้ใช้กระดาษเกรดยานยนต์

เคล็ดลับ: เมื่อติดตั้งพัดลมระบายความร้อนเข้ากับเมนบอร์ด ให้ขันสกรูให้แน่นในรูปแบบแนวขวางเพื่อให้มั่นใจว่าแรงกดกระจายออกไปเท่าๆ กัน หากคุณสับสน กระบวนการนี้มักจะได้รับการอธิบายอย่างรายละเอียดในคู่มือของคุณ

การแก้ไขปัญหา: หากคุณติดตั้งพลาด ไม่ต้องตื่นตกใจไป เช็ดทำความสะอาดซิลิโคนออก (จากทั้งส่วนกระดองของ CPU และพัดลมระบายความร้อน) และทาซิลิโคนใหม่อีกครั้ง จากนั้นจึงติดตั้งอีกครั้ง

ขั้นตอนที่ 4: ติดตั้งหน่วยความจำ (RAM)

ชิ้นส่วน/เครื่องมือ: เมนบอร์ด, RAM, คู่มือผู้ใช้ของเมนบอร์ด

ดูว่าเมนบอร์ดของคุณมีช่องเสียบ RAM กี่ช่อง (ส่วนใหญ่มีสองหรือสี่ช่อง) หากคุณจะใส่ RAM ทุกช่อง เพียงแค่เสียบ RAM ให้เข้าที่เท่านั้น หากคุณใส่ RAM ไม่ครบทุกช่อง โปรดดูคู่มือผู้ใช้เพื่อหารูปแบบการใส่ที่ถูกต้องและเสียบ RAM ไปที่ช่องตามนั้น

เคล็ดลับ: ร่องระหว่างหน้าสัมผัสของ RAM จะไม่อยู่ตรงกลาง ตรวจสอบว่าคุณจัดวาง RAM อย่างถูกต้องโดยใช้ร่องนี้เพื่อกำหนดว่าด้านใดหันขึ้นหรือด้านใดหันลง

การแก้ไขปัญหา: ถึงแม้ว่าจะเสียบ RAM เข้าที่ได้ค่อนข้างง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเสียบเข้าที่พอดีในครั้งแรกเสมอไป หากคุณลองเปิดพีซีแต่เปิดไม่ติด สิ่งแรกที่ควรทำคือการเสียบ RAM ใหม่ เมนบอร์ดบางตัวมีแถบจับยึด (ที่คุณไม่ต้องขยับ) ที่ช่วยในการติดตั้ง เมนบอร์ดทุกตัวมีแถบที่ขยับได้อย่างน้อยหนึ่งแถบ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเข้าที่และติดกับรอยเว้าด้านข้างของ RAM

ขั้นตอนที่ 5: (ไม่บังคับ) เปิดเครื่องทดสอบ

ชิ้นส่วน/เครื่องมือ: เมนบอร์ดที่ติดตั้ง CPU และพัดลมระบายความร้อน CPU แล้ว, RAM, GPU, PSU, ไขควง, คู่มือผู้ใช้ของเมนบอร์ด, จอภาพพีซี (เสียบกับ GPU)

เมื่อคุณติดตั้ง CPU และพัดลมระบายความร้อน CPU แล้ว คุณอาจต้องการทำการทดสอบด่วนกับส่วนประกอบต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าใช้งานได้ทุกส่วน การทดสอบนี้ทำ (และแก้ไขปัญหา) ได้ยาก เมื่อติดตั้งทุกอย่างลงในตัวเคสแล้ว ในการทำการทดสอบนี้ ให้ติดตั้ง GPU และเชื่อมต่อทุกสิ่งเข้ากับพาวเวอร์ซัพพลาย (หากคุณไม่ทราบวิธีติดตั้ง GPU โปรดดูที่ส่วนด้านล่าง) ตรวจสอบว่าเชื่อมต่อพาวเวอร์ซัพพลายกับเมนบอร์ด (ทั้ง CPU 8 ขา และ 24 ขา) และ GPU แล้ว จากนั้นให้เสียบไฟและเปิดเครื่อง

เมนบอร์ดระดับไฮเอนด์บางตัวมีปุ่มเปิด/ปิด แต่ส่วนใหญ่จะไม่มี หากคุณไม่เห็นปุ่มเปิด/ปิด ให้มองหาขาสวิตช์เปิด/ปิด ซึ่งเป็นขาคู่ขนาดเล็กที่ยื่นออกมาจากปุ่มสีเล็กๆ ขาสวิตช์เปิด/ปิดอาจมีคำอธิบายติดอยู่ (เช่น "PWR_ON") ในการเปิดเมนบอร์ด ให้ใช้ไขควงแตะที่ขาสวิตช์เปิด/ปิดทั้งสองขา

ตอนนี้คุณควรทราบแล้วว่าส่วนประกอบใดเสียหรือทำงานผิดปกติ หากไฟของเมนบอร์ดกระพริบหรือส่งเสียงบี๊บ นี่จะต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ๆ เมนบอร์ดบางตัวมีจอแสดงผลรหัส POST (ตัวเลขสองหลัก) เพื่อช่วยระบุว่าปัญหาคืออะไร ในการดูว่าเมนบอร์ดพยายามบอกอะไร ให้ดูคู่มือผู้ใช้ของคุณ หากเมนบอร์ดของคุณไม่มีจอแสดงผลรหัสข้อผิดพลาด ให้เชื่อมต่อจอภาพกับ GPU และดูว่าระบบผ่านกระบวนการ POST (การทดสอบตัวเอง เมื่อเปิดเครื่อง) หรือเริ่มต้นและแสดงโลโก้ของเมนบอร์ดหรือไม่

เมื่อคุณทดสอบเสร็จ ให้ปิดพาวเวอร์ซัพพลาย และรอให้ LED ใดๆ บนเมนบอร์ดดับลงเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีไฟฟ้าหลงเหลืออยู่ในระบบ จากนั้น ถอด GPU ออกและถอดสายไฟทุกเส้นออกก่อนที่จะดำเนินขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 6: ติดตั้งพาวเวอร์ซัพพลาย

ชิ้นส่วน/เครื่องมือ: PSU, เคส, สาย PSU, ไขควง Phillips #2

แกะ PSU ออกจากกล่อง (หรือถอดออกจากส่วนประกอบต่างๆ หากคุณเลือกทำการทดสอบ) และจัดสายไว้ข้างๆ (หากเป็นยูนิตเต็ม หรือแบบถอดสายได้บางสาย)

สำรวจดูเคสและดูว่าควรวาง PSU ไว้ที่ไหน (อาจวางไว้ด้านล่างใกล้กับด้านหลัง) และหันไปทิศทางใด หากเป็นไปได้ คุณควรจัดทิศทาง PSU ให้พัดลมหันหน้าหาด้านนอกเคส (ทางช่องระบายอากาศ) หากเคสของคุณมีช่องระบายอากาศอยู่ที่ด้านล่าง คุณสามารถติดตั้ง PSU กลับหัวได้ ตราบเท่าที่ช่องระบายอากาศด้านล่างมีการไหลเวียนของอากาศที่เหมาะสมเมื่อประกอบพีซีเสร็จสิ้น

หากเคสของคุณไม่มีช่องระบายอากาศ ติดตั้ง PSU ให้พัดลมหันหน้าขึ้น (เข้าหาเคส) และตรวจสอบดูว่าพื้นที่ว่างเพียงพอ

ติด PSU เข้ากับเคสโดยใช้สกรูสี่ตัวที่มาพร้อมกับ PSU

หากคุณใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบถอดสายไม่ได้หรือแบบถอดสายได้บางสาย ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเสียบสายเข้ากับส่วนประกอบต่างๆ ในเคสที่จำเป็นแล้ว (ใช้คุณสมบัติการจัดการสายหากเคสของคุณมีคุณสมบัตินี้)

ขั้นตอนที่ 7: ติดตั้งเมนบอร์ด

ชิ้นส่วน/เครื่องมือ: เคส, เมนบอร์ด, แผ่นป้องกัน I/O (หากไม่ได้ติดอยู่กับเมนบอร์ด), ไขควง Phillips #2, สกรู, คู่มือผู้ใช้ของเมนบอร์ด

หากเมนบอร์ดของคุณมีแผ่นป้องกัน I/O ที่ยังไม่ติดตั้ง ซึ่งเป็นแผ่นโลหะสี่เหลี่ยมที่มีช่องสำหรับพอร์ตของเมนบอร์ด คุณควรติดแผ่นนั้นที่ด้านหลังเคสให้เข้าที่ก่อน (ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหันทิศทางถูกต้อง) แผ่นป้องกัน I/O มักจะมีขอบที่แหลมคม คุณจึงควรระวังนิ้ว

เมื่อแผ่นป้องกัน I/O เข้าที่แล้ว คุณสามารถติดตั้งเมนบอร์ดได้ ตรวจสอบสองครั้งให้แน่ใจว่าร้อยสายไปยังส่วนที่ถูกต้องแล้ว จากนั้นจึงวางเมนบอร์ด (ให้ตรงกับแผ่นป้องกัน I/O ก่อน) ใช้ไขควง Phillips #2 ขันสกรูตัวกลางเป็นตัวแรก เพื่อยึดเมนบอร์ดเข้าที่ ตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ลากเมนบอร์ดไปทั่วเสารองที่ติดอยู่กับตัวเคส

จำนวนสกรูที่คุณต้องใช้ติดตั้งเมนบอร์ดจะแตกต่างกันไปตามเมนบอร์ด แต่โดยปกติแล้ว เมนบอร์ด ATX จะใช้สกรู 9 ตัว ใส่สกรูในช่องสกรูที่มีอยู่ทั้งหมด

เชื่อมต่อพาวเวอร์ซัพพลายเข้ากับเมนบอร์ด มีการเชื่อมต่อหลักอยู่สองตัวคือ คอนเน็กเตอร์ CPU 8 ขาทางด้านบนของบอร์ดและคอนเน็กเตอร์ 24 ขาจากด้านข้าง

เคล็ดลับ: ก่อนที่จะยึดเมนบอร์ด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเคสมีเสารองของเมนบอร์ดติดตั้งอยู่แล้ว เสารองนี้จะดูเหมือนน็อตที่มีเกลียวอยู่ที่ส่วนปลาย ไม่ใส่เสารองที่ไม่จำเป็น

ขั้นตอนที่ 8: ติดตั้ง GPU

ชิ้นส่วน/เครื่องมือ: เมนบอร์ด, GPU, ไขควง Phillips #2, สกรู, คู่มือผู้ใช้ของเมนบอร์ด

ค้นหาช่อง PCIe x16 บนเมนบอร์ดของคุณ ซึ่งจะเป็นช่อง PCIe ที่ยาวที่สุดและอาจมีสีที่แตกต่างจากช่องอื่นๆ หากเมนบอร์ดของคุณมีช่อง PCIe x16 มากกว่าหนึ่งช่อง ให้ดูคู่มือว่าควรใส่ที่ช่องใด หากใช้ช่องใดก็ได้ ให้พิจารณาใช้ช่องตามการจัดวางส่วนประกอบ เพราะคุณคงต้องการให้มีพื้นที่ว่างสำหรับ GPU บ้าง

คุณอาจต้องถอดแผ่นปิด I/O (แถบโลหะเล็กๆ ที่ปิดแผงหลังของเคส) เพื่อให้เหมาะสมกับ I/O ของ GPU (HDMI, DisplayPort, DVI, ฯลฯ) และทำให้เข้าถึงได้จากภายนอกตัวเคส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเคสของคุณ

นำ GPU ออกจากบรรจุภัณฑ์ป้องกันไฟฟ้าสถิตและค่อยๆ จัดวางทั้งขายึดด้านหลังและตัวช่องให้พอดีกัน จากนั้นจึงค่อยๆ ดันเข้าไปในช่อง PCIe x16 (คุณอาจได้ยินเสียงคลิก) แถบ PCIe บนเมนบอร์ดอาจขยับสู่ตำแหน่งล็อคหากคุณต้องเสียบ GPU ใหม่

เมื่อ GPU เข้าที่พอดีแล้ว ให้ยึดกับด้านหลังเคสด้วยสกรูหนึ่งหรือสองตัว หากต้องต่อไฟเพิ่มให้กับ GPU ให้เสียบกับพาวเวอร์ซัพพลาย

ขั้นตอนที่ 9: ติดตั้งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

ชิ้นส่วน/เครื่องมือ: SSD, HDD, ไขควง Phillips #2, สกรู, คู่มือผู้ใช้ของเคส/ตัวเคส

ก่อนอื่น ให้ตรวจสอบเคสของคุณ ทุกเคสจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในส่วนของแท่นวางไดรฟ์

คุณน่าจะหาแท่นวางไดรฟ์ขนาดต่างๆ ที่ซ้อนกันในเคสของคุณได้ แท่นวางไดรฟ์เหล่านี้อาจมีสวิตช์พลาสติกเล็กๆ ในกรณีที่เป็นแท่นวางไดรฟ์แบบไม่ต้องใช้เครื่องมือ หรืออาจดูเหมือนขายึดโลหะ

โดยทั่วไปแล้ว อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลมีสองขนาดคือ 2.5 นิ้ว (HDD และ SSD) และ 3.5 นิ้ว (HDD) แท่นวางไดรฟ์ 3.5 นิ้วส่วนใหญ่สามารถใส่ไดรฟ์ 2.5 นิ้วได้ แต่ใส่ไดรฟ์ 3.5 นิ้วกับแท่นวางไดรฟ์ 2.5 นิ้วไม่ได้ (แท่นวางไดรฟ์ 3.5 นิ้วบางตัวมีถาดที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับไดรฟ์ 2.5 นิ้ว แต่ก็ยังคงใส่ไดรฟ์ 2.5 นิ้วได้) และคุณอาจเห็นแท่นวางไดรฟ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าในเคส แท่นวางเหล่านี้ไว้ใช้สำหรับไดรฟ์ขนาดใหญ่ เช่น ออปติคอลไดรฟ์และมักจะอยู่ใกล้กับด้านบนสุดของด้านหน้าเคส

หากคุณมีแท่นวางแบบไม่ต้องใช้เครื่องมือ แท่นวางแต่ละแท่นจะมีคันโยกหรือสวิตช์พลาสติกของตัวเอง เปิดหรือปลดล็อคคันโยกหรือสวิตช์และคุณจะสามารถดึงถาดออกมาได้ วางไดรฟ์ลงในถาด ถาด 3.5 นิ้วบางตัวได้รับการออกแบบมาให้รองรับถาด 2.5 นิ้ว หากรองรับ คุณจะต้องขันสกรูไดรฟ์ 2.5 นิ้วเข้ากับถาด 3.5 นิ้ว เพื่อให้ตัวไดรฟ์ไม่ขยับ

เลื่อนถาดกลับเข้าไปในแท่นวาง ควรคลิกเข้าที่

หากคุณไม่มีช่องใส่แบบไม่ต้องใช้เครื่องมือ คุณจะเห็นขายึดโลหะ (จะมีขนาดใหญ่และรูปร่างเหมือนแผ่นเหล็ก) ที่มีแผ่นหรือรูในตัว การใส่ไดรฟ์เข้าไปใน "แท่นวาง” เหล่านี้นั้น คุณเพียงแค่เลื่อนไดรฟ์เข้าไประหว่างขายึดโลหะและด้านข้างของเคส และขันสกรูให้เข้าที่ ใช้จำนวนสกรูตามที่คู่มือของตัวเคสแนะนำ แต่ถ้าคุณมีสกรูไม่พอ ไดรฟ์ส่วนใหญ่จะใช้สกรูแค่สองตัวได้

เมื่อติดตั้งไดรฟ์ทั้งหมดเข้าที่แล้ว ให้เชื่อมต่อไดรฟ์เหล่านั้นกับเมนบอร์ด (โดยใช้สาย SATA ซึ่งควรมาพร้อมกับไดรฟ์หรือเมนบอร์ดของคุณ) และเชื่อมต่อกับพาวเวอร์ซัพพลาย

เคล็ดลับ: หากคุณประสบปัญหาในการหาแท่นวางหรือไม่รู้ว่าเคสมีแท่นวางประเภทใดบ้าง ให้ดูคู่มือผู้ใช้ของเคส

ขั้นตอนที่ 10: ติดตั้งระบบปฏิบัติการ

ชิ้นส่วน/เครื่องมือ: พีซี, จอภาพ, เมาส์, คีย์บอร์ด, ระบบปฏิบัติการที่บันทึกไว้ในแฟลชไดรฟ์ USB

หากคุณยังไม่ได้เตรียมระบบปฏิบัติการ (OS) ของคุณไว้ในแฟลชไดรฟ์ USB ให้ทำทันที (ดูรายละเอียดได้จากส่วนด้านบนเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการด้านล่าง "การเตรียมการ 3: เลือกส่วนประกอบของคุณ")

เสียบแฟลชไดรฟ์ USB ที่มีข้อมูลระบบปฏิบัติการของคุณ รวมถึงจอภาพ เมาส์ และคีย์บอร์ด แล้วเปิดพีซีของคุณ

หน้าจอแรกที่คุณเห็นจะบอกให้คุณกดปุ่มเพื่อเข้าสู่การตั้งค่าระบบหรือ BIOS กดปุ่มเพื่อเข้าสู่ BIOS (หากหน้าจอปิดเร็วเกินกว่าที่คุณจะมองเห็นปุ่มทัน โปรดดูคู่มือผู้ใช้ของเมนบอร์ด)

ก่อนอื่นคุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนประกอบทุกตัวได้รับการติดตั้งและเป็นที่รับรู้ของระบบแล้ว หาหน้าใน BIOS ที่แสดงข้อมูลระบบของพีซี (เมนบอร์ดต่างๆ มีการตั้งค่า BIOS ที่แตกต่างกันไป แต่คุณควรสามารถหาหน้าจอที่ให้ข้อมูลนี้ได้) และตรวจสอบว่าระบบรับรู้ส่วนประกอบทุกตัวที่คุณติดตั้งจนถึงตอนนี้

จากนั้นเปิดดู BIOS ไปเรื่อยๆ จนเจอหน้า Boot (อาจเรียกว่า "Boot Order" หรือ "Boot Priority") เปลี่ยนลำดับการบูทเพื่อให้แฟลชไดรฟ์ USB ของคุณเป็นลำดับแรก และไดรฟ์ที่คุณต้องการติดตั้งระบบปฏิบัติการ (หากคุณใช้ SSD เป็นไดรฟ์บูท คุณควรติดตั้ง OS ที่นี่) เป็นลำดับที่สอง

รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ของคุณจะบูทจาก USB และตัวติดตั้ง OS จะแสดงขึ้น ทำตามคำแนะนำเพื่อทำการติดตั้งให้เสร็จสิ้น

การแก้ไขปัญหา: หากพีซีเปิดไม่ติด คุณอาจมีปัญหากับพาวเวอร์ซัพพลาย

การแก้ไขปัญหา: หากเปิดพีซีได้แต่คุณไม่เห็นอะไรบนหน้าจอเลย หรือดูเหมือนยังไม่เริ่มต้นระบบ ให้ตรวจสอบว่าเสียบสายทุกสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายไฟแล้ว

เคล็ดลับ: หากคุณพยายามเข้าสู่ BIOS ด้วยคีย์บอร์ดแต่ทำไม่ได้ อาจเป็นเพราะคีย์บอร์ดของคุณไม่ทำงาน ตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วงเพื่อให้มั่นใจว่าทำงานตามปกติก่อนที่จะตื่นตกใจ

การแก้ไขปัญหา: หากคุณพบปัญหาในการบูทไปที่ไดรฟ์ USB โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าตั้งค่าเมนบอร์ดสำหรับประเภทการติดตั้งที่คุณพยายามทำแล้ว แพลตฟอร์มที่เปิดใช้งาน UEFI ส่วนใหญ่จะบูทไปที่พาร์ติชั่น UEFI ก่อนที่จะพยายามบูทเข้า Legacy

ยังไม่จบเพียงแค่นี้

หากคุณทำตามคู่มือของเราทั้งหมดแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย คุณประกอบคอมพิวเตอร์เสร็จสิ้นแล้ว (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากนี่เป็นครั้งแรกของคุณ)! แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเสร็จสิ้นเพียงแค่นี้

หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการประกอบพีซีสำหรับเล่นเกมของคุณเองคือการประกอบไม่เคยสิ้นสุดอย่างแท้จริง คุณสามารถปรับแต่งอุปกรณ์ของคุณเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคุณ แล้วอัปเดตอุปกรณ์โดยใช้ฮาร์ดแวร์ล่าสุด เนื่องจากระบบสำหรับเล่นเกมจำเป็นต้องมีความก้าวหน้า พีซีที่ประกอบเองที่คุณเพิ่งสร้างจากเป็นรากฐานของคุณสำหรับประสบการณ์การเล่นเกมทั้งหมดในอนาคต และการปรับแต่งส่วนประกอบของคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของความสนุกในการเป็นเจ้าของนั่นเอง

ตอนนี้คุณก็รู้วิธีการประกอบพีซีสำหรับเล่นเกมแล้ว คุณสามารถมุ่งความสนใจไปที่การรับประสิทธิภาพสูงสุดจากอุปกรณ์แบบประกอบเองของคุณได้แล้ว หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้: