วิธีเชื่อมต่อแล็ปท็อปกับทีวี

เนื้อหาใดๆ ที่คุณรับชมบนแล็ปท็อปได้ คุณก็รับชมบนทีวีได้เช่นกัน ด้วยหนึ่งในสี่วิธีต่อคอมเข้าทีวีที่ง่ายกว่าที่คิด

ระบุวิธีสำหรับการสตรีมเนื้อหาแล็ปท็อปของคุณ

  • ทีวีและแล็ปท็อปของคุณมีพอร์ตวิดีโอและเสียงประเภทเดียวกันหรือไม่

  • คุณต้องการสตรีมเนื้อหาของคุณแบบไร้สายหรือไม่

  • คุณชอบรับชมเนื้อหา (ตัวอย่างเช่น แอพความบันเทิงโปรดของคุณ) ประเภทใดมากที่สุด

  • ซื้อสายเคเบิลหรืออุปกรณ์สตรีมที่คุณต้องการ และให้แล็ปท็อปช่วยคุณในการกำหนดค่าทุกอย่าง

author-image

โดย

ผู้คนหลายคนเลิกรับเคเบิลทีวี (หรือดาวเทียม) และเลือกที่จะดูรายการต่างๆ บน YouTube หรือเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตอื่นๆ เพื่อความบันเทิงแทน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะรับชมเนื้อหาผ่านหน้าจอเล็กๆ ของแล็ปท็อปและอุปกรณ์อื่นๆ ตลอดเวลา ทางออกน่ะเหรอ ก็ส่งเนื้อหาตรงจากแล็ปท็อปของคุณไปยังทีวีจอยักษ์ไงล่ะ ซึ่งมีวิธีมากมายที่คุณทำได้ และยังทำได้ง่ายกว่าที่คุณคิดไว้อีกด้วย

วิธีต่อคอมเข้าทีวี

วิธีที่ง่ายที่สุดในการเชื่อมต่อคอมเข้าทีวีก็คือ การเชื่อมต่อด้วยสายเคเบิลระหว่างอุปกรณ์ทั้งสอง แล็ปท็อปส่วนมากที่สร้างขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านจะมีพอร์ต HDMI (ย่อมาจาก “High-Definition Multimedia Interface”) โดยพอร์ต HDMI นั้นมีรูปร่างเหมือนพอร์ต USB ที่คุณใช้เสียบแฟลชไดรฟ์ เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์อื่นๆ แต่มีขนาดยาวกว่าและบางกว่า สาย HDMI ส่วนใหญ่มีราคาไม่แพง และเป็นพอร์ตที่มีอยู่บนทีวีทั่วไป ส่วนการเชื่อมต่ออุปกรณ์สองเครื่องนี้ก็ทำได้ง่ายๆ เหมือนกับต่อปลั๊กพ่วง

ตั้งค่าทีวีของคุณให้มีอินพุตที่ถูกต้องสำหรับ HDMI และแล็ปท็อปก็จะกำหนดค่าโดยอัตโนมัติเพื่อให้การตั้งค่าที่ดีที่สุด หากแล็ปท็อปของคุณไม่ฉายภาพบนโทรทัศน์โดยอัตโนมัติ ให้ไปที่เดสก์ท็อปของคุณ จากนั้นคลิกขวา และไปที่การตั้งค่าการแสดงผล > จอแสดงผล > ปรับความละเอียด ทั้งนี้คุณสามารถทำตามนี้ได้จากแผงควบคุม เลือกทีวีในกล่องดรอปดาวน์ที่ปรากฏขึ้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ตัวเลือกเพื่อเลือกความละเอียดอื่นๆ ได้อีกด้วย ลองใช้เวอร์ชั่นที่แนะนำ แต่ถ้าเวอร์ชันนั้นไม่เป็นถูกใจคุณ คุณก็เลือกใช้การตั้งค่าอื่นๆ ได้ เลือกวิดีโอนี้เพื่อดูกระบวนการการเชื่อมต่อและติดตั้งที่ง่ายดาย

เชื่อมต่อสายกับแล็ปท็อปรุ่นเก่า

หากคุณใช้แล็ปท็อปรุ่นเก่าที่ไม่มีพอร์ต HDMI คุณอาจจะต้องใช้พอร์ต VGA ซึ่งไม่ใช่ชื่อองค์กรกอล์ฟมืออาชีพอย่างแน่นอน แต่เป็นพอร์ตอีกแบบหนึ่ง ที่มีรูปทรงคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขา 15 ขาโดยแบ่งเป็นแถวละ 5 ขา ทั้งหมด 3 แถว สาย VGA จะให้สัญญาณเอาท์พุตสำหรับวิดีโอเท่านั้น ดังนั้นวิธีการนี้จะต้องใช้สายเคเบิลเพิ่มอีกสายหนึ่ง (เรียกว่าสาย 3.5 มม.) ซึ่งจะเสียบเข้ากับทีวีและพอร์ตหูฟังของแล็ปท็อป

ถึงแม้ว่าสาย HDMI และ VGA เป็นสาย 2 ประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด แต่บางครั้งแล็ปท็อปหรือทีวีของคุณอาจจะต้องใช้สายประเภทอื่นเช่น DisplayPort (ซึ่งมีทั้งภาพและเสียง) หรือสายสัญญาณวิดีโอแบบคอมโพสิต (สายที่มีเฉพาะสัญญาณวิดีโอที่จำเป็นต้องใช้สายเพิ่มอีกสายหนึ่งเพื่อส่งสัญญาณเสียง) หากคุณไม่เข้าใจเกี่ยวพอร์ต คุณดูรูปภาพการเชื่อมต่อแบบทั่วไปได้ที่นี่

แน่นอนว่าคอมพิวเตอร์และทีวีของคุณอาจมีประเภทเชื่อมต่อที่ไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ทีวีของคุณอาจรองรับการเชื่อมต่อ HDMI แต่คอมพิวเตอร์ของคุณมี DisplayPort แต่ไม่ต้องอารมณ์เสียแล้วหนีไปฟังวิทยุแทน เพราะคุณแค่ต้องซื้ออแดปเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาไม่แพงและมีหัว DisplayPort หัว HDMI ที่ปลายแต่ละด้าน (มีอแดปเตอร์สำหรับการเชื่อมต่อแบบอื่นๆ ด้วยเช่นกัน) เชื่อมต่ออแดปเตอร์เข้ากับสายเคเบิลที่ถูกต้องที่ต่อเข้ากับแล็ปท็อป และเชื่อมต่ออีกด้านหนึ่งเข้ากับทีวีของคุณ

โดยอุปกรณ์ของคุณควรจะตรวจพบซึ่งกันและกันโดยอัตโนมัติเหมือนสาย HDMI แต่ในกรณีที่ตรวจไม่พบ ก็ให้ไปที่แผงควบคุมและทำการปรับการตั้งค่าเหมือนที่ทำกับสาย HDMI

เรียนรู้วิธีการเชื่อมต่อแล็ปท็อปเข้ากับจอของคุณ

สะท้อนหน้าจอไปที่ทีวี

ระบบปฏิบัติการ Windows* 10 ที่ได้เปิดตัวไปในเดือนกรกฎาคม 2015 ช่วยให้คุณสะท้อนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณไปยังทีวี เครื่องเล่น Blu-ray* หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เข้ากันได้กับมาตรฐาน Miracast* ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2013 ได้ (Windows* 7 Windows* 8 และระบบปฏิบัติการรุ่นก่อนหน้าอื่นๆ ก็รองรับมาตรฐานดังกล่าวได้เช่นกัน) Miracast อาจเรียกได้ว่าเป็น “สัญญาณ HDMI ผ่าน Wi-Fi” เนื่องจากระบบนี้ทำงานเหมือนกับสาย HDMI โดยไม่ต้องใช้สายเคเบิลดังกล่าว ซึ่งก็คือ สะท้อนหน้าจอแล็ปท็อปไปยังทีวีที่ตั้งค่าการเชื่อมต่อไว้

วิธีการนี้จะต้องใช้อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่เรียกว่า Miracast Dongle อุปกรณ์ชิ้นเล็กเหล่านี้มีรูปแบบที่แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับผู้ผลิต แต่มีการทำงานที่เหมือนกันคือ Dongle จะเสียบเข้ากับพอร์ต HDMI บนแล็ปท็อปของคุณ ซึ่งจะทำให้แล็ปท็อป “ค้นพบ” อุปกรณ์อื่นๆ เช่น โทรทัศน์ของคุณและทำการเชื่อมต่อโดยตรงได้ นอกจากนี้ ยังใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้เครือข่าย Wi-Fi อีกด้วย

หากคุณต้องการเปลี่ยนพีซีให้กลายเป็นเครื่องรับสัญญาณ Miracast ก็เพียงแค่เปิดเมนูเริ่มของ Windows* 10 แล้วเปิดแอพ "เชื่อมต่อ" ในกรณีที่คุณไม่เห็นแอพนี้ปรากฏขึ้น คุณจำเป็นต้องอัปเกรดระบบปฏิบัติการเป็นรุ่น Anniversary Update

การสตรีมที่เหมือนฝัน

อีกวิธีหนึ่งในการต่อคอมเข้าทีวีก็คือ การสตรีมมีเดียแบบเฉพาะผ่านอุปกรณ์ยอดนิยม เช่น Google Chromecast* ของ Google, Roku Streaming Stick*, Amazon Fire Stick* หรือ Apple TV*

โดยอุปกรณ์เหล่านี้ล้วนมีการทำงานที่เหมือนกัน ดังนั้นเรามาดูวิธีการทำงานของ Chromecast กันดีกว่า คุณจะต้องเสียบ Dongle เข้ากับพอร์ตต่อสาย HDMI เข้าทีวี และอุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณที่เชื่อมต่อคอมเข้าทีวี หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่อื่นๆ ของคุณผ่านเครือข่าย Wi-Fi

Chromecast จะไม่สะท้อนเนื้อหาบนแล็ปท็อปของคุณเหมือนวิธีอื่นๆ ในรายการนี้ แต่อุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ (สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่ใช้ Android หรือ iOS หรือคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows หรือ Mac OS X) จะทำหน้าที่เป็นรีโมทคอนโทรลแทน ซึ่งจะควบคุม Dongle ที่เสียบเข้ากับทีวีเพื่อเลือกเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตที่คุณต้องการสตรีม

การติดตั้งก็ทำได้ง่ายๆ หลังจากที่คุณเสียบ Dongle ต่อคอมเข้าทีวีของคุณ อุปกรณ์ก็จะจดจำแล็ปท็อปของคุณ และดำเนินขั้นตอนการติดตั้ง

ผู้คนต่างถกเถียงว่าตัวเลือกไหนเป็นมีเดียสตรีมเมอร์แบบเฉพาะที่ดีที่สุด ซึ่งมีรายละเอียดทั่วไปดังนี้

  • Chromecast ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการรับชมวิดีโอจากคอมพิวเตอร์บนทีวี หรือสตรีมเนื้อหาที่มีอยู่บนเบราว์เซอร์ โดยไม่ต้องต่อสาย HDMI เข้าทีวี มีการผลิตอุปกรณ์ Chromecast แบบที่มีเฉพาะเสียงมาสำหรับผู้ที่ต้องการฟังเพลงผ่านทางโทรทัศน์
  • Roku Streaming Stick เน้นไปยังผู้ที่ต้องการดูแอพทีวีจำนวนมาก สตรีมเมอร์ส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงแอพเสียงและวิดีโอหลักๆ เช่น YouTube ได้ แต่ Roku ถือว่าเป็นตัวเลือกที่มีแอพให้เลือกใช้มากที่สุด
  • Amazon Fire Stick ใช้สำหรับการสตรีม (แบบสมัครสมาชิก) เนื้อหาวิดีโอของ Amazon Prime ซึ่งมีรายการและภาพยนตร์ออริจินัลของ Amazon เอง รวมถึงเนื้อหาที่รับมาจากเครือข่ายระดับพรีเมี่ยมอื่นๆ
  • Apple TV เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเข้าถึงเนื้อหาจำนวนมากบน iTunes หรือเล่นเกมของโทรศัพท์และแท็บเล็ตบนทีวี ทั้งนี้ มีเดียสตรีมเมอร์บางตัวไม่สามารถเข้าถึง iTunes ได้

มีตัวเลือกมีเดียสตรีมเมอร์มากมายหลายเวอร์ชันให้เลือกใช้สำหรับการต่อคอมเข้าทีวี ซึ่งมีคุณสมบัติอย่างเช่น ระบบนำทางด้วยเสียง ที่ให้คุณค้นหาเนื้อหาโดยใช้คำสั่งเสียง ราคาของอุปกรณ์อยู่ในช่วงระหว่าง $35 ถึง $150

การเลิกรับเคเบิลทีวี (หรือดาวเทียม) ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องอดดูรายการโปรดของคุณ และถึงแม้ว่าคุณยังคงรับเคเบิลทีวีหรือดาวเทียมอยู่ ก็อาจมีบางครั้งที่คุณต้องการสตรีมเนื้อหาจากแล็ปท็อปไปยังทีวีโดยตรง เช่น เพื่อแสดงภาพถ่ายและวิดีโอช่วงวันหยุดของคุณ ดังนั้น ให้เลือกวิธีการที่น่าสนใจที่สุดสำหรับคุณ และเพิ่มตัวเลือกความบันเทิงของคุณ

วิธีสแกนหาหน้าจอทีวี หลังจากต่อคอมเข้าทีวีเรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่ต่อคอมเข้าทีวีเรียบร้อยแล้ว ยังมีอีกหนึ่งขึ้นตอนของการปรับภาพ แสงสี เสียงให้เหมาะสมกับรูปแบบหน้าจอทีวีของคุณ เนื่องจากหน้าจอทีวีของแต่ละรุ่นอาจมีความละเอียดหรือ resolution ที่แตกต่างกัน โดยคุณสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองผ่าน Windows บนคอมพิวเตอร์ของคุณ

  • คลิกที่เมนู Start ในคอมพิวเตอร์ของเรา
  • จากนั้นให้คลิกไอคอน setting ที่มีรูปร่างเหมือนฟันเฟือง
  • เลือก System จากเมนู Settings ของ Windows
  • แล้วเลือกเมนู Display เพื่อทำการตั้งค่าหน้าจอ ให้แล้วเลื่อนลงไปด้านล่างของเมนู Display แล้วเลือก Multiple displays จากนั้นให้คลิกปุ่ม Detect ตรงข้อความ Detect other display เพื่อให้ Windows สแกนหาหน้าจอที่เชื่อมต่ออยู่
  • จากนั้นให้ทำการปรับ resolution เพื่อให้ภาพบนทีวีคมชัดขึ้น โดยให้ตั้งค่าที่ Display resolution หากใช้หน้าจอแบบ HDTV ให้เลือกเป็น 1920x1080 และถ้าใช้หน้าจอแบบ 4K TV ให้เลือกตั้งค่า resolution เป็น 3840x2160 หรือเลือกให้เป็น resolution สูงสุด เท่าที่มีอยู่ในเมนูของ Windows

หลังจากที่ตั้งค่าหน้าจอทีวีผ่าน Windows แล้ว อย่าลืมตรวจสอบเรื่องของเสียงด้วย เพราะหากพบความเสียงดังผ่านตัวคอมพิวเตอร์ไม่ใช่ทีวีหลังจากต่อคอมเข้าทีวีแล้ว ให้ทำการเปิด Control Panel แล้วคลิกไอคอน Sound แล้วเลือกอุปกรณ์ลำโพงของทีวีคุณจากแท็ป Play back ได้เลย

เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รับชมรายการโปรดด้วยภาพที่สวยคมชัด พร้อมกับเสียงที่ดังกระหน่ำผ่านหน้าจอทีวีของคุณได้แล้ว