การสอน AI สนับสนุนความพร้อมด้านดิจิทัล
ปัญญาประดิษฐ์หรือ Artificial intelligence (AI) จะยกระดับประสิทธิภาพและฟังก์ชันการทำงานของแทบทุกเครื่องมือใช้สอย อุปกรณ์ และยานพาหนะที่ทำขึ้นในปัจจุบัน นักเรียนจะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจและจัดการเทคโนโลยี AI และที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประสบความสำเร็จในปัจจุบันและในอนาคต
นักเรียนจะต้องสร้างทักษะ ความรู้ และความเข้าใจด้านดิจิทัล เพื่อให้ตัวเองสามารถใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบและมีประสิทธิภาพ คำว่า “ความพร้อมด้านดิจิทัล” จะแจกแจงถึงเจตคติ ชุดเครื่องมือ และชุดทักษะรวมกันที่จะเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับอนาคต
เมื่อนักเรียนระดับ K‒12 ในวันนี้เข้าสู่การทำงาน ความต้องการลูกจ้างที่มีทักษะด้าน AI, Machine Learning, ระบบวิเคราะห์ข้อมูล, และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์อื่นๆ จะยังคงเพิ่มขึ้นตลอดทั้งในตอนนี้และในปีต่อๆ ไป World Economic Forum1 คาดว่าเฉพาะ AI ก็อาจจะสร้างงานใหม่ได้ 97 ล้านงานภายในปี 2025
เพื่อสนับสนุนความพร้อมด้านดิจิทัลและความสำเร็จในอนาคตของนักเรียน นักการศึกษาควรแนะนำแนวคิด AI สาธิตรูปแบบการใช้ AI และช่วยให้นักเรียนเข้าใจปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากจริยธรรมใน AI การเรียนรู้ในส่วนนี้สามารถเริ่มตั้งแต่ต้นในชั้นเรียนประถม เพื่อวางรากฐานสำหรับการสร้างทักษะขั้นสูงในระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย
เกริ่นนำแนวคิด AI
เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนอย่างเพียงพอสำหรับตลาดงานที่เปลี่ยนไป นักการศึกษาและโรงเรียนประถมศึกษาสามารถให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้นกับ AI ในการศึกษา
ด้วยการปรับบทเรียนให้เข้ากับความสามารถในปัจจุบันของนักเรียน และการผนวกรวมประสบการณ์การเรียนภาคปฏิบัติ นักการศึกษาก็สามารถสร้างความเข้าใจในเทคโนโลยีขั้นสูงที่ลึกล้ำนี้ได้ และเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ทักษะและความเข้าใจ AI สามารถนำไปรวมไว้ในหลักสูตรหลักที่น่าสนใจและปฏิบัติได้ แม้สำหรับเด็กนักเรียนอายุน้อยที่สุด
นักเรียนหลายคน หรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่ จะไม่ศึกษาต่อหรือเลือกทำงานในด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม การเข้าใจเรื่อง AI จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของเขาในอนาคต
ตามการรายงานของ World Economic Forum:2
ทักษะและกลุ่มทักษะอันดับสูงสุดที่นายจ้างมองว่ากำลังเริ่มมีความสำคัญก่อนก้าวเข้าสู่ปี 2025 จะเป็นการคิดเชิงวิพากษ์และการวิเคราะห์รวมถึงการแก้ไขปัญหา และทักษะในด้านการจัดการตัวเอง เช่น การเรียนรู้เชิงรุก การฟื้นจิตใจ ความอดทนต่อแรงกดดัน และความยืดหยุ่น
การศึกษา AI สามารถส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์และกระตุ้นความฉลาดทางอารมณ์ ยามที่นักเรียนสำรวจแอปพลิเคชัน AI ต่างๆ และวิเคราะห์ผลกระทบทางสังคมและจริยธรรมใน AI แม้สำหรับนักเรียนที่ไม่เคยเขียนโค้ดสักบรรทัดเดียวมาก่อน
การรู้จัก AI
ตามการรายงานของ AI4K123 ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากนักการศึกษาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และผู้ปฏิบัติงาน AI จะมีแนวคิดสำคัญห้าประการที่นักเรียนทุกคนควรเข้าใจเกี่ยวกับ AI:4
- การรับรู้: คอมพิวเตอร์ใช้เซ็นเซอร์เพื่อรับรู้โลก
- การแทนและการใช้เหตุผล: เอเยนต์ต่างๆ (เช่น อัลกอริทึม) จะคงรักษาการแทนความเป็นไปของโลกเพื่อไว้แสดงการใช้เหตุผล
- การเรียนรู้: คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้จากข้อมูล
- การโต้ตอบเป็นธรรมชาติ: เอเยนต์ที่ฉลาดต้องใช้ความรู้หลายประเภทเพื่อโต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติกับมนุษย์
- ผลกระทบทางสังคม: แอปพลิเคชัน AI สามารถส่งผลกระทบต่อสังคมทั้งในทางบวกและทางลบ
แนวคิดทั้งห้าเหล่านี้สามารถนำไปถ่ายทอดได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามเหมาะสมในทุกระดับชั้นเรียน โครงการริเริ่ม AI4K12 พยายามที่จะสร้างแนวทางแห่งชาติและแบ่งปันแหล่งข้อมูลสำหรับการสอน AI ในระดับชั้น K‒12 ในประเทศสหรัฐอเมริกา
การสร้าง AI โดยการเรียนรู้ภาคปฏิบัติ
ในโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย นักเรียนสามารถเริ่มมีส่วนในการเรียนรู้ภาคปฏิบัติ
แผนการเรียน คู่มือทำกิจกรรม โปรแกรมพัฒนาระดับอาชีพ และแหล่งข้อมูลอื่นๆ จะมีให้สำหรับนักการศึกษาจาก Intel® Skills for Innovation นอกจากนี้ ยังสามารถหาโครงการตัวอย่างและบทเรียนได้บนไซต์ Intel® Future Skills
แหล่งข้อมูลและแนวทางเหล่านี้ช่วยให้นักการศึกษาและนักเรียนผนึกรวมเอา AI และวิทยาศาสตร์ข้อมูลไว้ในหลักสูตรและชมรมวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ระดับเบื้องต้นที่สุดไปจนถึงการเตรียมตัวเข้าวิทยาลัยและตำแหน่งขั้นสูง
จริยธรรมใน AI
โปรแกรมและเครื่องมือที่เปิดใช้ AI สามารถให้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย แต่เทคโนโลยีก็สามารถสร้างความเสียหายได้เช่นกัน ปัญหาด้านจริยธรรมมีมากขึ้นเมื่ออัลกอริทึมของ AI หรือข้อมูลรากฐานถูกจัดใช้ไปในลักษณะที่บ่งบอกถึงอคติ ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคล หรือด้อยค่าสิทธิมนุษยชนอื่นๆ5
การอภิปรายหรือเวิร์กชอปเกี่ยวกับจริยธรรมใน AI อาจเป็นส่วนเสริมหลักสูตรหลักของโรงเรียนใดๆ ที่มีค่าอย่างยิ่ง เนื้อหาวิชาในส่วนนี้ก็มีความเหมาะสมที่จะบรรจุไว้ในแล็บวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับในวิชาปรัชญาหรือสังคมศาสตร์
อย่างไรก็ตาม เมื่อนักศึกษาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ขับเคี่ยวกับวิชาจริยธรรมใน AI เขาก็สามารถแสดงความคิดของตนเป็นโค้ด รวมถึงการอภิปรายในชั้นเรียนและเรียงความ
อีกวิธีการหนึ่งก็คือ ให้นักศึกษาพัฒนาแนวทางด้านจริยธรรมและกลยุทธ์การปฏิบัติใช้ของตัวเอง ทั้งแบบเป็นรายบุคคลหรือแบบเป็นโครงการกลุ่ม
Intel® AI for Youth
การทดลองภาคปฏิบัติในการสร้างโมเดล AI อาจจะเหมาะสมที่สุดสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย โปรแกรม Intel® AI for Youth ซึ่งเป็นโปรแกรมเรือธงของงาน Intel® Digital Readiness เป็นตัวอย่างโปรแกรมภาคปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จ เพราะช่วยให้เยาวชนสามารถสร้างทักษะทางสังคมและทางเทคนิคของ AI โดยไม่เลือกปฏิบัติ
นักเรียนผู้เข้าร่วมจะจัดใช้แนวคิด AI ต่างๆ อาทิ ข้อมูล การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural-Language Processing) และคอมพิวเตอร์วิทัศน์ เพื่อสร้างโครงการ AI ของตัวเอง ซึ่งมักจะส่งผลสำคัญต่อสังคม
โปรแกรมนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในหลายประเทศแล้ว จะครอบคลุมถึงหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวกับจริยธรรม AI ความเป็นส่วนตัว และอคติที่อาจมีได้ เพื่อขัดเกลาทักษะการแก้ไขปัญหาและกระตุ้นการคิดเชิงสร้างสรรค์
การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมต่อการศึกษา AI
อุปกรณ์ที่เหมาะสมนั้นจะสนับสนุนความพร้อมด้านดิจิทัลของนักเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นและงานในอนาคต แม้ว่านักเรียนจะไม่มุ่งคว้าปริญญาด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เขาก็ยังมีการเตรียมพร้อมที่ดีกว่าเมื่อเข้าทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดหากเขาตระหนักได้ดีถึงบทบาทของ AI ในชีวิตประจำวัน
เมื่อทำการสอน AI ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะให้นักเรียนมีอุปกรณ์ที่สามารถรับมือกับเวิร์กโหลดหนักหน่วงโดยมีอาการหน่วงช้าน้อยที่สุด นักเรียนจะประเมินรูปแบบการใช้งาน AI และการสร้างโมเดล AI โดยวิเคราะห์ไฟล์ข้อมูลเสียงและวิดีโอขนาดใหญ่ และเข้าไปมีส่วนทำงานที่ต้องใช้พลังการประมวลผล
การจัดการได้ง่ายก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกันที่จะบอกได้ว่าอุปกรณ์ใดสามารถปรับให้เข้ากับ AI ในห้องเรียน
ตัวอย่างเช่น โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra พร้อมด้วย Intel vPro® Enterprise สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows จะทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีสามารถแก้ไขอุปกรณ์ในบ้านของนักเรียนจากระยะไกลได้ ซึ่งจะเอื้อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีในหน่วยการศึกษาสามารถเพิ่มผลิตภาพการทำงานของตนและลดเวลาที่ต้องใช้เดินทางให้น้อยลง
เครื่องมือการจัดการนอกวงเป็นคุณสมบัติการจัดการได้ง่ายที่สำคัญอีกประการ เครื่องมืออย่าง Intel® Active Management Technology ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีสามารถเข้าถึงอุปกรณ์และแก้ไขปัญหา แม้เมื่อกำลังประสบกับปัญหาด้านระบบปฏิบัติการหรือด้านฮาร์ดแวร์ก็ตาม
เพื่อช่วยให้นักเรียนมีความปลอดภัยในโลกดิจิทัล Intel จึงจัดให้มีโปรแกรม Online Safety for Kids ซึ่งสอนให้เด็กอายุ 5 ถึง 18 ขวบรู้จักวิธีใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ