แล็ปท็อปที่ดีที่สุดสำหรับการตัดต่อรูปภาพ

ช่างภาพที่เชี่ยวชาญและกราฟิกดีไซน์เนอร์มืออาชีพต่างรู้ว่าการถ่ายภาพเป็นเพียงแค่ขั้นตอนหนึ่งในการสร้างผลงานเท่านั้น เพราะการสร้างภาพที่น่าทึ่งนั้นจำเป็นต้องอาศัยการทำงานบนคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์ตัดต่อรูปภาพ แทบไม่มีใคร ซึ่งก็รวมถึงนักถ่ายรูปมือสมัครเล่นที่ใช้สมาร์ทโฟนถ่าย แสดงภาพถ่ายของพวกเขาให้ผู้คนทั่วโลกได้รับชมโดยที่ไม่ผ่านการตัดต่อ แต่จริงๆ แล้ว ซอฟต์แวร์ตัดต่อจะแสดงศักยภาพที่แท้จริงได้จะต้องอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญด้านงานสร้างสรรค์ระดับสูง ผู้ใช้สามารถแก้ไขความด่างพร้อยที่ลดพลังและความสมจริงของรูปภาพไป ทั้งนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มองค์ประกอบเฉพาะที่จะยกระดับคุณภาพของภาพได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งจะเปลี่ยนความรู้สึกของผู้คนที่มีต่อภาพบุคคล สถานที่ หรือสิ่งต่างๆ ไปอย่างสิ้นเชิง

ไม่ว่าคุณจะมีเป้าหมายอะไร ซอฟต์แวร์ตัดต่อรูปภาพที่ล้ำสมัยที่สุดจะปลดปล่อยศักยภาพแห่งการสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อใช้งานร่วมกับฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมเท่านั้น มีซอฟต์แวร์ตัดต่อมากมายเหลือเฟือให้คุณเลือกใช้งาน และคุณก็ต้องเปรียบเทียบข้อพิจารณาต่างๆ เพื่อเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดจากตัวเลือกดีๆ มากมาย ในทางเดียวกัน ตัวเลือกสำหรับฮาร์ดแวร์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมายเช่นกัน ซึ่งทำให้ช่างภาพและศิลปินกราฟิกต้องพิจารณาถึงฟังก์ชันการทำงาน และเอฟเฟ็กต์ที่ต้องการในการเลือกอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ตัดต่อ

เดสก์ท็อปไม่ได้ดีกว่าแล็ปท็อปอีกต่อไปแล้ว

แม้แต่ผู้คนที่ใช้ซอฟต์แวร์ตัดต่อภาพมาไม่นาน อาจจำได้ว่าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเป็นตัวเลือกเดียวสำหรับนักตัดต่อมืออาชีพเท่านั้น แต่ในปัจจุบันนี้ แล็ปท็อปรุ่นใหม่ๆ ก็มีความเร็วและอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เทียบเท่ากับเดสก์ท็อประดับไฮเอนด์ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องตัดต่องานในภาคสนาม ในหลายๆ สถานที่ หรือต้องไปหาลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงาน

หน้าจอในตัวที่มีความละเอียดสูงสุดระดับ Ultra HD 4K ให้สีสัน คอนทราสต์ และรายละเอียดที่น่าทึ่งในแบบที่นักตัดต่อภาพต้องการ พูดสั้นๆ ได้ว่า แล็ปท็อปสมัยใหม่มีข้อได้เปรียบทั้งหมดของการตัดต่อภาพด้วยเดสก์ท็อปสำหรับงานใหญ่ ในขนาดที่เบาโดยมีน้ำหนักเพียง 3-4 ปอนด์เท่านั้น

แล็ปท็อปมีความสามารถมากกว่าแท็บเล็ต

ในขณะที่คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเริ่มมีคนใช้น้อยลงเรื่อยๆ แล็ปท็อปอาจดูเหมือนเป็นตัวเลือกที่ศิลปินกราฟิกและช่างภาพเลือกได้ง่ายๆ แต่สิ่งนี้ไม่เหมือนกันเมื่อพิจารณาเลือกแท็บเล็ต ในขณะที่แท็บเล็ตระดับไฮเอนด์และแล็ปท็อปอาจดูเหมือนกันขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีข้อพิจารณาสำคัญหลายประการที่ต้องคำนึงถึง เมื่อคุณภาพของภาพและผลกระทบเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก

สำหรับผู้ใช้มือใหม่ แล็ปท็อปจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าและมาพร้อมกับความสามารถทางเทคโนโลยีที่มากกว่า ซึ่งทำให้แท็บเล็ตดูเหมือนเป็นอุปกรณ์ที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและเป็นภาระ แล็ปท็อปมีคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ ความสามารถในการเชื่อมต่อกับฮาร์ดไดรฟ์และเครื่องเขียนแผ่นดิสก์ภายนอก รวมถึงหน้าจอที่ใหญ่กว่าที่มีพื้นที่สำหรับแถบควบคุมและเมนูของซอฟต์แวร์ตัดต่อ

แม้ว่าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างแล็ปท็อปและแท็บเล็ตคือ ความสามารถของแล็ปท็อปในการใช้งานซอฟต์แวร์การตัดต่อภาพระดับมืออาชีพเวอร์ชั่นเต็ม เช่น Adobe Photoshop*, Adobe Lightroom*, Corel PHOTO-PAINT* หรือโปรแกรมฟรียอดนิยม เช่น GIMP

แม้แต่แท็บเล็ตที่มีประสิทธิภาพสูงสุดก็ยังมีเครื่องมือตัดต่อภาพที่มีจำกัดกว่า ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่จะจำกัดอยู่แค่ การตรวจสอบและการตัดต่อไฟล์ JPEG หรือ PNG แบบเล็กน้อย ถึงแม้ว่านี่จะเพียงพอสำหรับผู้คนที่ต้องการภาพวันหยุดก็ตาม แต่ครีเอทีฟระดับสูงจะชอบทำงานกับไฟล์ RAW ที่มีความละเอียดสูงมากกว่า ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถปรับแต่งรายละเอียดของภาพได้อย่างละเอียด การตัดต่อภาพในระดับที่สูงขึ้นจำเป็นต้องใช้แล็ปท็อปที่สามารถใช้ซอฟต์แวร์ตัดต่อรูปภาพแบบเต็มประสิทธิภาพได้ ซึ่งช่วยให้ช่างภาพหรือศิลปินกราฟิกสามารถสำรวจได้ทุกมิติแห่งความสร้างสรรค์

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพีซีที่ดีที่สุดสำหรับการออกแบบกราฟิก ›

หน้าจอ: ขนาดเป็นสิ่งสำคัญ (เช่นเดียวกับความละเอียด)

ขนาดที่แนะนำ: 15 นิ้ว 1920 x 1080p เคลือบผิวด้าน

จอแสดงผลของแล็ปท็อปเป็นทั้งผืนผ้าใบสำหรับรังสรรค์ผลงาน และแผงควบคุมสำหรับการตัดต่อภาพ

ครีเอทีฟที่ใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กกว่าสามารถใช้จอแสดงผลขนาด 13 นิ้วคุณภาพสูง ซึ่งมีอยู่บน MacBook Pro Retina และคอนเวอร์ทิเบิล Microsoft Surface Pro* แต่โดยทั่วไปแล้ว หน้าจอขนาด 15 นิ้วเป็นขนาดหน้าจอขั้นต่ำสำหรับผู้ที่ทำการตัดต่อภาพบนอุปกรณ์ขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าจอภาพขนาด 17 นิ้ว อาจเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่ขนาดในระดับนี้ก็จะช่วยลดความจำเป็นในการใช้จอแสดงผลภายนอกได้

ทั้งนี้ การเคลือบผิวด้านหรือเคลือบป้องกันแสงสะท้อนสามารถลดอาการปวดตาและภาพรบกวนได้ ไม่ว่าจอภาพจะมีขนาดเท่าไร

ถ้าพูดถึงเรื่องของความละเอียดแล้ว ความละเอียดขนาด 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งให้ความละเอียดสูงแบบเต็มรูปแบบ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเพียงพอสำหรับความต้องการขั้นต่ำ ช่างภาพและศิลปินกราฟิกที่ต้องการคุณภาพสูงจะเลือกใช้ความละเอียดที่สูงขึ้น เช่น 2560 x 1600p, 3200 x 1800p หรือแม้แต่ 4K Ultra HD

หน้าจอสัมผัสนั้นไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับการตัดต่อภาพ อย่างไรก็ตาม หน้าจอแบบนี้เป็นก็มีประโยชน์สำหรับครีเอทีฟที่ต้องการใช้ปากกาสไตลัสในคอนเวอร์ทิเบิลแบบ 2 in 1 หรือแป้นวาดภาพ เช่น Bamboo ยอดนิยมจาก Wacom*

โปรเซสเซอร์: รับพลังประมวลผลสูงสุดเท่าที่จะทำได้

ซอฟต์แวร์ตัดต่อรูปภาพจำเป็นต้องใช้พลังประมวลผลอย่างมาก มีวิธีการแบ่งประเภทโปรเซสเซอร์อยู่ 2 แบบ คือ แบ่งตามจำนวนคอร์ (คอร์จริงหรือเสมือน) และแบ่งตามความถี่ในหน่วย Ghz (ความเร็วนาฬิกา)

ในขณะที่สิ่งทั้งสองนั้นต่างก็สำคัญ แต่การแบ่งตามคอร์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคำนวณพลังและความสามารถในการทำงาน ยิ่งมีคอร์มากขึ้น ก็ยิ่งมีพลังมากขึ้น ดังนั้นเมื่อคุณภาพของภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ คุณก็ควรจะเลือกซื้อโปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดที่คุณซื้อได้

ถึงแม้ว่าความเร็วนาฬิกาจะมีความสำคัญรองลงมา แต่คุณก็ควรใส่ใจด้วย เพราะโดยทั่วไปแล้ว ยิ่งความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูง ชิปก็ยิ่งจะทำงานได้ดีขึ้น การตัดต่อรูปภาพจำเป็นต้องใช้โปรเซสเซอร์อยู่ในช่วง 2.5 ถึง 3.5 Ghz หรือสูงกว่า

การ์ดกราฟิก/GPU: การประมวลผลที่เร็วกว่า

รุ่นที่แนะนำ: การ์ดกราฟิกในตัวสำหรับผู้ใช้มือสมัครเล่น ชิปกราฟิกแบบพิเศษพร้อมอัตราเฟรม 60 FPS (เฟรมต่อวินาที) สำหรับผู้ใช้ขั้นสูง

กราฟิกโปรเซสเซอร์จะช่วยรองรับการประมวลผลจาก CPU หลัก ซึ่งให้การประมวลผลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และการแสดงผลที่ดียิ่งขึ้น พร้อมยังช่วยให้คุณสามารถย้ายวัตถุรอบๆ พื้นที่ทำงานตัดต่อได้เร็วขึ้นอีกด้วย

การ์ดจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ เช่น NVIDIA หรือ ATI จะเพิ่มราคาของระบบอีก $60 ถึง $200 รุ่นยอดนิยม ได้แก่ NVIDIA GeForce GTX 950M รุ่นพื้นฐาน, GTX 960M, GT840M รุ่นระดับกลาง และ GTX 980M รุ่นระดับไฮเอนด์

หน่วยความจำ: ตรวจสอบขนาดของคุณ

ขนาดที่แนะนำ: 8 GB สำหรับการใช้งานทั่ว 16 GB สำหรับผู้ใช้ระดับสูง

ครีเอทีฟจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำที่เพียงพอเพื่อใช้โปรแกรมที่ทรงพลังด้วยความเร็วที่เพียงพอ RAM หรือ Random Access Memory จะช่วยให้สามารถประมวลผลรูปภาพได้อย่างรวดเร็ว และรันคำสั่งหลายรายการได้พร้อมกันโดยไม่ติดขัด ในขณะที่ผู้ใช้ทั่วไปต้องการ RAM แค่เพียง 8GB แต่ศิลปินกราฟิกมืออาชีพและช่างภาพที่เชี่ยวชาญจำเป็นต้องใช้อย่างน้อย 16GB เพื่อป้องกันระบบล่ม ค้าง และหยุดทำงานโดยไม่คาดคิด

อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล: แก้ปัญหาข้อมูลติดขัด

รุ่นที่แนะนำ: ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ความจุ 1 TB, 7200 RPM, ไดรฟ์ Solid State (SSD) ความจุ 512 GB, ไดรฟ์ไฮบริดโดยมี SSD ความจุอย่างน้อย 128 GB

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ไม่เพียงพอจะทำให้เกิดอาการติดขัดของ I/O ซึ่งทำให้การประมวล การตัดต่อ และการอัพโหลดภาพช้าลง ในขณะเดียวกัน ระบบก็ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพื่อรองรับรูปภาพที่มีความละเอียดสูงนับพันรูป ไฟล์ RAW จากงานแต่งงานเพียงงานเดียวอาจมีขนาดสูงถึง 10GB

ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) คืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลประเภทหนึ่งที่ทำงานด้วยระบบดิสก์หมุนแบบดั้งเดิม ฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 1TB สามารถรองรับระบบปฏิบัติการทุกระบบได้อย่างสบายๆ โดยพื้นที่เหลืออย่างน้อย 700GB สำหรับโปรแกรมและข้อมูลอื่นๆ ไดรฟ์ Solid-State (SSD) คืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอีกประเภทหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยใช้ชิป SSD จะช่วยให้แอพที่ใช้หน่วยความจำสูงสามารถโหลดและทำงานได้เร็วขึ้น ด้วยความเร็วในการอ่านที่สูงถึง 1400 MB/s และความเร็วในการเขียน 280+ MB/s

พอร์ตและการเชื่อมต่อ: อย่าละเลยเรื่องนี้ไป

พอร์ตที่แนะนำ: การ์ดและช่อง SD, พอร์ต USB 3.0 หรือ 3.1 อย่างน้อย 3 ช่อง, พอร์ต Thunderbolt™ บน Mac และเอาต์พุตต่างๆ เช่น DisplayPort, HDMI หรือ VGA

ตามหลักการทั่วไปแล้ว คุณจะควรเลือกรุ่นที่มีอินพุตและเอาต์พุตมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากจะช่วยให้คุณสามารถย้ายรูปภาพไปยังแล็ปท็อปของคุณ จัดเก็บไว้ในไดรฟ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก และเขียนข้อมูลลงบนแผ่น CD หรือ DVD ได้อย่างง่ายดาย พอร์ตจำนวนมากจะช่วยให้คุณเพิ่มจอภาพภายนอกขนาดใหญ่ แท็บเล็ตและสไตลัส รวมถึงคีย์บอร์ดและเมาส์ที่รับกับสรีระได้ง่ายๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณทำการตัดต่อเป็นเวลานานอย่างสบาย

เลือกระดับประสิทธิภาพ

เริ่มการค้นหาแล็ปท็อปสำหรับการตัดต่อรูปภาพที่ลงตัวที่สุด
โดยลองดูตารางนี้ที่มีข้อมูลตัวเลือก CPU, GPU และ SSD ที่มีประสิทธิภาพในระดับดี ดีกว่า และดีที่สุด (ในความคิดของเรา!)