ถึงเวลาสำหรับเมืองอัจฉริยะแล้ว

เมืองยุคใหม่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องด้วยความรวดเร็ว โดยประชากรโลก 55 เปอร์เซ็นต์อาศัยอยู่ในชุมชนเมือง และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 13 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 20501 เมืองต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการมอบผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่จับต้องได้และมีความเท่าเทียมกับประชากรของตน และยังต้องต้องให้บริการที่มีคุณภาพดีขึ้นและยั่งยืนยิ่งขึ้น ปรับปรุงความปลอดภัยสาธารณะ แก้ไขปัญหาด้านความแออัดและสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุน และส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น การปรับขนาดกระบวนการที่ต้องใช้ทรัพยากรบุคคลเป็นจำนวนมากและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ถูกจำกัดด้วยต้นทุน ไม่สามารถบริการจัดการได้ และไม่ได้รับการสนับสนุน เมืองต่าง ๆ จึงต้องการโซลูชั่นทางเทคโนโลยีเพื่อช่วยบรรเทาแรงกดดันเหล่านี้

เมื่อประชากรเพิ่มขึ้น เทคโนโลยีก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการมาของอุปกรณ์ Internet of Things (IoT), การประมวลผลที่ Edge, การเรียนรู้ของเครื่อง, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเครือข่ายการสื่อสาร 5G ทำให้ตอนนี้ เครื่องมือทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เป็นที่ต้องการนั้นมีให้ใช้งานได้แล้ว และการเปลี่ยนไปสู่เมืองอัจฉริยะที่มีเทคโนโลยีช่วยสนับสนุนจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้แล้วในปัจจุบัน

ตอนนี้ เทคโนโลยีเพื่อเมืองอัจฉริยะแบบฝังติด (เซนเซอร์ กล้อง และการประมวลผลที่ Edge) สามารถให้การรับรู้แบบเกือบเรียลไทม์เกี่ยวกับปัญหาที่ต้องทราบ และข้อมูลที่รวบรวมและวิเคราะห์จากอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อปรับการดำเนินการของเมืองให้เหมาะสมได้ โซลูชั่นเมืองอัจฉริยะสามารถปรับปรุงบริการพื้นฐานให้ดีขึ้น ยกระดับความปลอดภัยสาธารณะ เพิ่มความยั่งยืน และให้ข้อมูลสำหรับการวางแผนและการจัดทำนโยบายได้ และยังสามารถนำไปใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์สาธารณะต่าง ๆ และปรับประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้เหมาะสมที่สนามกีฬาท้องถิ่น สวนสนุก และรีสอร์ตต่าง ๆ หรือปรับปรุงการจอดรถและความปลอดภัยในมหาวิทยาลัย ขอบเขตและผลกระทบนั้นไม่จำกัด แต่ทุกการประยุกต์ใช้งานนั้นจะส่งผลให้ประชากรให้คุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

เมืองอัจฉริยะจะบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลจากเซนเซอร์ กล้อง และคอมพิวเตอร์ที่มีการฝังไว้ทั่วทั้่งเมืองอันล้ำสมัย โครงข่ายอุปกรณ์และข้อมูลนี้จะสร้างความอัจฉริยะที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถทำให้ทุกสิ่งและทุกคนฉลาดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตั้งแต่สัญญาณไฟจราจรและถังขยะไปจนถึงผู้จัดทำนโยบายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โซลูชั่นเมืองอัจฉริยะต่าง ๆ กำลังได้รับการนำมาใช้ในเมืองทุก ๆ ขนาด ตั้งแต่ไฟจราจรอัจฉริยะไปจนถึงระบบความปลอดภัยสาธารณะแบบอัจฉริยะ ตัวอย่างเมืองสามแห่งที่มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีและสร้างโมเมนตัมในเส้นทางที่นำไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะประกอบไปด้วยสิงคโปร์, San Francisco และ Reykjavík

เทคโนโลยีเพื่อเมืองอัจฉริยะประกอบด้วยกล้องวิดีโอ, เซนเซอร์ IoT และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถตรวจจับ วิเคราะห์ และทำงานด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็วมาก ๆ เมื่อขับเคลื่อนด้วย AI ที่มาทางเครือข่าย 4G และ 5G แบนด์วิดธ์สูง

ต้นทุน: การเพิ่มกล้อง เซนเซอร์ และอุปกรณ์ประมวลผลให้กับโครงสร้างพื้นฐานของเมืองต้องใช้เงินทุน แต่ก็สามารถชดเชยต้นทุนต่าง ๆ ได้ผ่านการค่อย ๆ สร้างเพิ่ม หรือด้วยการลดค่าใช้จ่ายและรายได้ใหม่ ๆ ที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ

การจัดการ การรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: เมื่อติดตั้งแล้ว เทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะจะสร้างและพึ่งพิงข้อมูลเป็นจำนวนมหาศาล การรวบรวมข้อมูล รวมไปถึงการทำความสะอาด วิเคราะห์ และแชร์ในระบบต่าง ๆ นั้นต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้คนและข้อมูลของเมืองนั้นก็สำคัญยิ่ง การจัดการข้อมูลและการผสานการทำงานระบบต่าง ๆ กับโครงการขนาดเล็กกว่าอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้เทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยด้วยฮาร์ดแวร์และมาตรการแบบครบวงจร สามารถช่วยให้เมืองต่าง ๆ รับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัย

Intel และพาร์ทเนอร์ของเรากำลังเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นเมืองอัจฉริยะแบบเปิด ซึ่งสามารถใช้งานได้ในฮาร์ดแวร์สำเร็จรูป เรากำลังสร้างโซลูชั่นด้วยมาตรฐานแบบเปิด เพื่อให้เทคโนโลยีในวันนี้สามารถใช้กับนวัตกรรมในวันข้างหน้าได้ เรากำลังช่วยให้เมืองต่าง ๆ ต่อยอด AI ในการใช้งานจริงได้ทุกที่ และให้บริการที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ท้องถนนที่ปลอดภัยยิ่งกว่า และสภาพแวดล้อมของเมืองที่ยั่งยืนและดียิ่งขึ้นสำหรับผู้อยู่อาศัยทุกคน