ข้อมูลสรุปของผลิตภัณฑ์ Intel vPro® ที่มีโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra (ซีรีส์ 2)

เพิ่มศักยภาพองค์กรให้ประสบความสำเร็จในยุคของ AI

author-image

โดย

อนาคตของการประมวลผลทางธุรกิจคือแอปพลิเคชันที่ผสานเทคโนโลยี Al ไว้ทั้งสำหรับกลุ่มผู้ใช้และกลุ่มฝ่ายไอที เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี Al มากที่สุด องค์กรต่างๆ จะต้องปรับใช้พีซีที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพซึ่งปรับให้เหมาะสมสำหรับแอปพลิเคชันด้านการทำงาน ความปลอดภัย และการจัดการอุปกรณ์ โดยแพลตฟอร์ม Intel vPro® รุ่นใหม่ได้รับการสร้างขึ้น สำหรับธุรกิจยุคใหม่และยุคของเทคโนโลยี Al

กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่

Intel ตั้งเป้าที่จะตอบสนองความต้องการทั้งหมดด้านการประมวลผลขององค์กรด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์ที่มอบประสิทธิภาพในระดับต่างๆ และประสบการณ์ AI ที่หลากหลายทั้งในฟอร์มแฟคเตอร์แบบโมบายล์และเดสก์ท็อป โปรเซสเซอร์ทั้งหมดมีสถาปัตยกรรมที่ปรับเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI ที่ CPU, GPU และ NPU ทำงานเกี่ยวกับ AI ตามที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์กำหนดไว้

โปรเซสเซอร์โมบายล์

กลุ่มผลิตภัณฑ์การประมวลผลแบบโมบายล์ใหม่ (ตารางที่ 1) นำเสนอโซลูชันสำหรับโน้ตบุ๊กที่บางและเบา โน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมที่บางและเบา โน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง และเวิร์กสเตชันแบบโมบายล์ ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตระบบสามารถส่งมอบพีซี AI ได้หลากหลาย โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่รองรับจุดราคาที่หลากหลายและลักษณะการประมวลผลที่แตกต่างกันไป1

  • ผู้ที่ทำงานขณะเดินทางจะได้รับประโยชน์จากโน้ตบุ๊กที่บางและเบา (โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 235U/265U) พร้อมคอร์ CPU ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นและ Intel® Wi-Fi 7 (5 Gig) ในตัว
  • ผู้ปฏิบัติงานที่ต้องใช้มันสมองสามารถผลิตผลงานได้มากขึ้นด้วยโน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมที่บางและเบา (โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 200V ซีรีส์) ที่มีสถาปัตยกรรม CPU ใหม่ กราฟิก Intel® Arc™ เจเนอเรชันถัดไป และ NPU ที่มีความจุสูงขึ้น นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ใหม่เหล่านี้ยังมีหน่วยความจำในตัวและ Intel® Wi-Fi 7 (5 Gig) ด้วย
  • ผู้ใช้ระดับสูงและนักวิเคราะห์อาจอัปเกรดเป็นโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ (โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 200H ซีรีส์) ที่มีคอร์ที่ออกแบบใหม่, กราฟิก Intel® Arc™, Intel® Wi-Fi 7 (5 Gig) ในตัว และสามารถเลือก Thunderbolt™ 5 เป็นอุปกรณ์เสริมได้
  • ครีเอเตอร์เชิงเทคนิคที่ต้องการสมรรถนะในการประมวลผลที่ยอดเยี่ยมที่สุดสามารถพึ่งพาเวิร์กสเตชันแบบโมบายล์รุ่นใหม่ (โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 200HX ซีรีส์) ที่มีคอร์ CPU ที่ออกแบบใหม่ รองรับกราฟิกไฮบริด และสามารถเลือก Thunderbolt™ 5 เป็นอุปกรณ์เสริมได้

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดรองรับ Thunderbolt™ 4 สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงกับอุปกรณ์ต่อพ่วงและพื้นที่ทำงานสะอาดตาผ่านแท่นเชื่อมต่อที่ทันสมัย นอกจากนี้ Intel® Dynamic Tuning Technology ยังช่วยให้ผู้ผลิตมอบพลังงานและประสิทธิภาพที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพีซีโมบายล์ทุกเครื่องได้ด้วย

เดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์

Intel กำลังนำ NPU มาใช้ในฟอร์มแฟคเตอร์แบบเดสก์ท็อปด้วยชุดผลิตภัณฑ์การประมวลผลใหม่ (ตารางที่ 2) โปรเซสเซอร์ทั้งหมดมี NPU ใหม่เหล่านี้ พร้อมด้วยกราฟิก Intel® ในตัวและโซลูชันการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สายซึ่งรวมถึง Intel® Wi-Fi 6E (Gig+) ในตัว, Thunderbolt™ 4 ในตัว และการเชื่อมต่อ Intel® Ethernet พร้อมตัวเลือก 1 GbE และ 2.5 GbE2

เช่นเดียวกับเดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์เจเนอเรชันก่อนๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้แบ่งออกเป็นสามตัวเลือกตามจำนวนคอร์และสามข้อเสนอด้านพลังงาน โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra แต่ละเวอร์ชัน (5, 7 หรือ 9) มีจำหน่ายในแบบพลังงานต่ำ (35 W), พลังงานมาตรฐาน (65 W) หรือพลังงานที่สูงกว่า (125 W) จึงทำให้สามารถใช้งานเดสก์ท็อปที่มีฟอร์มแฟคเตอร์ขนาดเล็ก แบบออลอินวัน และแบบทาวเวอร์ได้ในขนาดต่างๆ ได้แก่

  • โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5: โปรเซสเซอร์สูงสุด 14 คอร์ที่ให้ประสิทธิภาพที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่
  • โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7: โปรเซสเซอร์สูงสุด 20 คอร์สำหรับผู้ใช้ระดับสูง
  • โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 9: โปรเซสเซอร์สูงสุด 24 คอร์สำหรับครีเอเตอร์เชิงเทคนิคที่ใช้เวิร์กสเตชันระดับเริ่มต้น

การ์ด GPU Intel® Arc™ สามารถให้ประโยชน์แก่ผู้ใช้ระดับสูงและครีเอเตอร์เชิงเทคนิคได้ โดยการ์ดนี้ได้รับการรับรองสำหรับการใช้งานทางวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และการออกแบบยอดนิยมมากมายด้วย

AI สำหรับธุรกิจ

AI ช่วยให้ผู้คนบรรลุประสิทธิภาพการทำงานในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนไม่ว่างานใดก็ตาม เอฟเฟ็กต์ภาพและเสียงช่วยให้พนักงานมีภาพและเสียงดีที่สุดขณะทำงานร่วมกันจากระยะไกล ผู้ช่วยส่วนบุคคลและโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าจะมาสร้างความสะดวกแก่ขั้นตอนการทำงานประจำวัน การจัดเตรียมการประชุม และการจัดการโครงการ AI ช่วยให้ทำงานเสร็จสมบูรณ์ด้วยคุณภาพที่สูงขึ้นภายในเวลาที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการสร้างคอนเทนต์ การแสดงข้อมูลเป็นภาพ การออกแบบ การวิจัย และงานที่คล้ายกันซึ่งพบได้ทั่วไปสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ ข้อเสนอล่าสุดของ Intel จึงช่วยมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นในทุกที่ที่มีการใช้พีซี AI1

AI สำหรับการรักษาความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัยสำหรับ AI

เมื่อภัยคุกคามด้านความปลอดภัยมีความซับซ้อนมากขึ้น เทคโนโลยีการป้องกันขั้นสูงก็เป็นที่ต้องการมากขึ้นเช่นกัน แม้แมชชีนเลิร์นนิงจะเป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยมาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ผู้ไม่ประสงค์ดีก็ใช้ AI โจมตีพีซีเช่นกัน โซลูชันการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางจึงต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับที่ต่ำกว่าและเหนือกว่าระบบปฏิบัติการ

Intel® Threat Detection Technology

โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ขยายการใช้ NPU ไปยังผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การรักษาความปลอดภัยบุคคลที่สาม ซึ่งช่วยให้แอปพลิเคชันของพวกเขาสามารถตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ผ่านการเขียนโปรแกรมแบบเนทีฟหรือผ่าน Intel® Threat Detection Technology


โดย Intel® TDT ช่วยให้นักพัฒนาใช้ทรัพยากรการประมวลผลปลายทาง (CPU, GPU และ NPU) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถตรวจจับความผิดปกติและระบุการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น แรนซัมแวร์หรือการแอบขุดคริปโตได้ด้วยความช่วยเหลือของ AI ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่ทำงานภายในเครื่องสามารถลดเวลาแฝงในการตรวจจับและบรรเทาภัยคุกคามได้ การถ่ายโอนการดำเนินการไปยัง NPU ช่วยลดแบนด์วิธของ CPU ซึ่งสามารถปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้หรือสร้างโอกาสเพิ่มเติมในการย้ายฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัยจากระบบคลาวด์ไปยังอุปกรณ์ปลายทางนี้ได้ วิธีการที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางเพื่อลดพื้นที่ในการโจมตีนี้ช่วยให้พีซี AI มอบประสิทธิภาพตามที่คาดหวังได้

เอนจินรักษาความปลอดภัยใหม่

โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ทั้งหมดมี Intel® Silicon Security Engine สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเฟิร์มแวร์ระบบบนฮาร์ดแวร์ และฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมจะค่อยๆ ทยอยย้ายไปยัง Intel® Silicon Security Engine

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์บางรายการในกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์ใหม่ (โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 200V ซีรีส์) ยังมี Intel® Partner Security Engine ด้วย ซึ่งผู้ผลิตระบบสามารถกำหนดค่าเพื่อรองรับโปรเซสเซอร์รักษาความปลอดภัย Microsoft Pluton ได้ โดย Microsoft Pluton ตั้งเป้าที่จะมอบ Root of Trust, การรับรอง, ข้อมูลประจำตัว และบริการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ บนฮาร์ดแวร์ตามที่ Microsoft2 กำหนด

การรักษาความปลอดภัยของ Windows 11

โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ทั้งหมดยังคงรองรับ Intel® Converged Security and Management Engine ซึ่งมีความสามารถเดิม เช่น Intel® Boot Guard สำหรับการบูตที่ได้รับการตรวจสอบด้วยการเข้ารหัสลับ และ Intel® Platform Trust Technology ซึ่งเป็นโซลูชัน TPM 2.0 ในตัวที่ใช้ร่วมกันได้กับมาตรฐานของ Trusted Computing Group ทั้งการบูตที่ตรวจสอบด้วยการเข้ารหัสและโซลูชัน TPM 2.0 เป็นข้อกำหนดของ Windows 11


เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ Microsoft Secured-core PC โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ทั้งหมดจึงรองรับ:

  • Intel® Trusted Execution Technology สำหรับ Root of Trust แบบไดนามิก
  • Intel® System Resources Defense สำหรับการป้องกันโหมดการจัดการระบบ (System Management Mode หรือ SMM) ที่แข็งแกร่ง
  • Intel® System Security Report สำหรับการสื่อสารนโยบายการป้องกันที่นำมาใช้กับระบบปฏิบัติการ Windows

นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Intel vPro® ยังมีพื้นฐานการประมวลผลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับแอป AI และข้อมูลด้วย ซึ่งเกิดจากชุดคุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยอันแข็งแกร่งที่ผู้ผลิตพีซีต้องออกแบบให้มีอยู่ในพีซีทุกเครื่องที่มีตรา Intel vPro® ตารางที่ 3 ประกอบไปด้วยรายการคุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยของแพลตฟอร์มที่สำคัญทั้งหมด

อุปกรณ์ปลายทางแบบพร้อมบริการ

แพลตฟอร์ม Intel vPro® รองรับความสามารถในการจัดการแบบในวงและนอกวงเพื่อการมองเห็นอุปกรณ์ปลายทางและความพร้อมใช้งานสำหรับการบำรุงรักษาระยะไกลที่มากขึ้น

การจัดการแบบในวง
แอปพลิเคชันการจัดการอุปกรณ์ต้องอาศัยข้อมูลจากอุปกรณ์ปลายทางเพื่อทำการกำหนดค่า การดูแลรักษา และการตัดสินใจให้บริการที่ถูกต้อง Intel® Device Discovery มอบวิธีการสำหรับแอปพลิเคชันแบบโลคัลและระยะไกลให้สามารถเห็นอุปกรณ์ปลายทางได้ดีขึ้น ด้วยชุดข้อมูลอันแข็งแกร่งที่ครอบคลุมถึงโปรไฟล์ ประวัติ และความสามารถต่างๆ ของอุปกรณ์ ซึ่งจะรวมถึงรายการคุณสมบัติของแพลตฟอร์ม Intel vPro® ที่มีอยู่ และสภาพการกำหนดค่าของมัน ข้อมูลมหาศาลที่ผลิตขึ้นโดย Intel® Device Discovery นั้นอาจนำไปใช้สร้างการประเมินสุขภาพของพีซี กำหนดรูปแบบการรักษาความปลอดภัยของพีซี หรือเรียนรู้วิธีกำหนดค่าและดูแลรักษาอุปกรณ์อย่างดีที่สุดได้ การได้เห็นลึกเข้าไปอุปกรณ์ปลายทางมากขึ้นกลายเป็นสิ่งสำคัญเมื่อการดำเนินงานด้านไอทีหันไปใช้ AI และระบบอัตโนมัติ


การจัดการแบบนอกวง
Intel® Active Management Technology ช่วยให้ลูกค้าลดการซ่อมพีซีที่ต้องเข้าไปยังสถานที่ได้ผ่านการเข้าถึงระยะไกล แม้ว่าพีซีจะปิดเครื่องอยู่ ระบบปฏิบัติการไม่พร้อมใช้งาน หรือไม่มีผู้ใช้อยู่ก็ตาม3 กรณีการใช้งาน เช่น การปลุกและแพตช์, การบูตเป็น BIOS และการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ/อิมเมจ ช่วยให้ลูกค้าจัดการกลุ่มอุปกรณ์การประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมจากระยะไกลด้วยคีย์บอร์ด/วิดีโอ/เมาส์ (KVM) ช่วยให้ช่างเทคนิคควบคุมพีซีจากระยะไกลได้เสมือนนั่งอยู่หน้าเครื่อง Intel® AMT ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วย Intel® Endpoint Management Assistant และโซลูชันการจัดการระยะไกลแบบคลาวด์เนทีฟใหม่ ซึ่งเร่งการนำกรณีการใช้งานแบบนอกวงมาใช้ผ่านเครื่องมือของบุคคลที่สามและแบบสแตนด์อโลน


ตารางที่ 4 แสดงรายการเทคโนโลยีความสามารถในการจัดการของแพลตฟอร์ม Intel vPro®

พลังของทางเลือก

องค์กรที่เลือกพีซี AI ที่ขับเคลื่อนด้วย Intel® ยังได้รับประโยชน์จากพลังแห่งตัวเลือกด้วยเช่นกัน ด้วยแอปพลิเคชันที่มี AI มากกว่า 100 แอปและคุณสมบัติมากกว่า 300 รายการที่ได้รับการปรับประสิทธิภาพให้เหมาะกับโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra1 Intel มอบแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับการพัฒนาพีซี AI ด้วยโมเดล AI, เฟรมเวิร์ก และรันไทม์ที่เปิดใช้งานมากกว่าผู้จำหน่ายโปรเซสเซอร์รายอื่น4 องค์กรที่ต้องการสร้างแอปพลิเคชันแบบกำหนดเองสามารถใช้โมเดล AI มากกว่า 500 โมเดลที่ได้รับการปรับแต่งมาสำหรับโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ซึ่งครอบคลุมหมวดหมู่การอนุมาน AI ต่างๆ เช่น การประมวลผลภาษาธรรมชาติ การทำ Diffusion และคอมพิวเตอร์วิทัศน์ได้

สรุปข้อมูล

Intel vPro® ช่วยให้องค์กรต่างๆ ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก AI แพลตฟอร์ม Intel vPro® ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ตอบโจทย์การประมวลผล AI ทุกระดับ ขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน และช่วยให้องค์กรบรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ www.intel.com/vpro

ตารางผลิตภัณฑ์และคุณสมบัติ