อนาคตของการประมวลผลทางธุรกิจคือแอปพลิเคชันที่ผสานเทคโนโลยี Al ไว้ทั้งสำหรับกลุ่มผู้ใช้และกลุ่มฝ่ายไอที เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี Al มากที่สุด องค์กรต่างๆ จะต้องปรับใช้พีซีที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพซึ่งปรับให้เหมาะสมสำหรับแอปพลิเคชันด้านการทำงาน ความปลอดภัย และการจัดการอุปกรณ์ โดยแพลตฟอร์ม Intel vPro® รุ่นใหม่ได้รับการสร้างขึ้น สำหรับธุรกิจยุคใหม่และยุคของเทคโนโลยี Al
กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่
Intel ตั้งเป้าที่จะตอบสนองความต้องการทั้งหมดด้านการประมวลผลขององค์กรด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์ที่มอบประสิทธิภาพในระดับต่างๆ และประสบการณ์ AI ที่หลากหลายทั้งในฟอร์มแฟคเตอร์แบบโมบายล์และเดสก์ท็อป โปรเซสเซอร์ทั้งหมดมีสถาปัตยกรรมที่ปรับเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI ที่ CPU, GPU และ NPU ทำงานเกี่ยวกับ AI ตามที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์กำหนดไว้
โปรเซสเซอร์โมบายล์
กลุ่มผลิตภัณฑ์การประมวลผลแบบโมบายล์ใหม่ (ตารางที่ 1) นำเสนอโซลูชันสำหรับโน้ตบุ๊กที่บางและเบา โน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมที่บางและเบา โน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง และเวิร์กสเตชันแบบโมบายล์ ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตระบบสามารถส่งมอบพีซี AI ได้หลากหลาย โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่รองรับจุดราคาที่หลากหลายและลักษณะการประมวลผลที่แตกต่างกันไป1
- ผู้ที่ทำงานขณะเดินทางจะได้รับประโยชน์จากโน้ตบุ๊กที่บางและเบา (โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 235U/265U) พร้อมคอร์ CPU ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นและ Intel® Wi-Fi 7 (5 Gig) ในตัว
- ผู้ปฏิบัติงานที่ต้องใช้มันสมองสามารถผลิตผลงานได้มากขึ้นด้วยโน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมที่บางและเบา (โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 200V ซีรีส์) ที่มีสถาปัตยกรรม CPU ใหม่ กราฟิก Intel® Arc™ เจเนอเรชันถัดไป และ NPU ที่มีความจุสูงขึ้น นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ใหม่เหล่านี้ยังมีหน่วยความจำในตัวและ Intel® Wi-Fi 7 (5 Gig) ด้วย
- ผู้ใช้ระดับสูงและนักวิเคราะห์อาจอัปเกรดเป็นโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ (โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 200H ซีรีส์) ที่มีคอร์ที่ออกแบบใหม่, กราฟิก Intel® Arc™, Intel® Wi-Fi 7 (5 Gig) ในตัว และสามารถเลือก Thunderbolt™ 5 เป็นอุปกรณ์เสริมได้
- ครีเอเตอร์เชิงเทคนิคที่ต้องการสมรรถนะในการประมวลผลที่ยอดเยี่ยมที่สุดสามารถพึ่งพาเวิร์กสเตชันแบบโมบายล์รุ่นใหม่ (โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 200HX ซีรีส์) ที่มีคอร์ CPU ที่ออกแบบใหม่ รองรับกราฟิกไฮบริด และสามารถเลือก Thunderbolt™ 5 เป็นอุปกรณ์เสริมได้
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดรองรับ Thunderbolt™ 4 สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงกับอุปกรณ์ต่อพ่วงและพื้นที่ทำงานสะอาดตาผ่านแท่นเชื่อมต่อที่ทันสมัย นอกจากนี้ Intel® Dynamic Tuning Technology ยังช่วยให้ผู้ผลิตมอบพลังงานและประสิทธิภาพที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพีซีโมบายล์ทุกเครื่องได้ด้วย
เดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์
Intel กำลังนำ NPU มาใช้ในฟอร์มแฟคเตอร์แบบเดสก์ท็อปด้วยชุดผลิตภัณฑ์การประมวลผลใหม่ (ตารางที่ 2) โปรเซสเซอร์ทั้งหมดมี NPU ใหม่เหล่านี้ พร้อมด้วยกราฟิก Intel® ในตัวและโซลูชันการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สายซึ่งรวมถึง Intel® Wi-Fi 6E (Gig+) ในตัว, Thunderbolt™ 4 ในตัว และการเชื่อมต่อ Intel® Ethernet พร้อมตัวเลือก 1 GbE และ 2.5 GbE2
เช่นเดียวกับเดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์เจเนอเรชันก่อนๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้แบ่งออกเป็นสามตัวเลือกตามจำนวนคอร์และสามข้อเสนอด้านพลังงาน โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra แต่ละเวอร์ชัน (5, 7 หรือ 9) มีจำหน่ายในแบบพลังงานต่ำ (35 W), พลังงานมาตรฐาน (65 W) หรือพลังงานที่สูงกว่า (125 W) จึงทำให้สามารถใช้งานเดสก์ท็อปที่มีฟอร์มแฟคเตอร์ขนาดเล็ก แบบออลอินวัน และแบบทาวเวอร์ได้ในขนาดต่างๆ ได้แก่
- โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5: โปรเซสเซอร์สูงสุด 14 คอร์ที่ให้ประสิทธิภาพที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่
- โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7: โปรเซสเซอร์สูงสุด 20 คอร์สำหรับผู้ใช้ระดับสูง
- โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 9: โปรเซสเซอร์สูงสุด 24 คอร์สำหรับครีเอเตอร์เชิงเทคนิคที่ใช้เวิร์กสเตชันระดับเริ่มต้น
การ์ด GPU Intel® Arc™ สามารถให้ประโยชน์แก่ผู้ใช้ระดับสูงและครีเอเตอร์เชิงเทคนิคได้ โดยการ์ดนี้ได้รับการรับรองสำหรับการใช้งานทางวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และการออกแบบยอดนิยมมากมายด้วย
AI สำหรับธุรกิจ
AI ช่วยให้ผู้คนบรรลุประสิทธิภาพการทำงานในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนไม่ว่างานใดก็ตาม เอฟเฟ็กต์ภาพและเสียงช่วยให้พนักงานมีภาพและเสียงดีที่สุดขณะทำงานร่วมกันจากระยะไกล ผู้ช่วยส่วนบุคคลและโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าจะมาสร้างความสะดวกแก่ขั้นตอนการทำงานประจำวัน การจัดเตรียมการประชุม และการจัดการโครงการ AI ช่วยให้ทำงานเสร็จสมบูรณ์ด้วยคุณภาพที่สูงขึ้นภายในเวลาที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการสร้างคอนเทนต์ การแสดงข้อมูลเป็นภาพ การออกแบบ การวิจัย และงานที่คล้ายกันซึ่งพบได้ทั่วไปสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ ข้อเสนอล่าสุดของ Intel จึงช่วยมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นในทุกที่ที่มีการใช้พีซี AI1
AI สำหรับการรักษาความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัยสำหรับ AI
เมื่อภัยคุกคามด้านความปลอดภัยมีความซับซ้อนมากขึ้น เทคโนโลยีการป้องกันขั้นสูงก็เป็นที่ต้องการมากขึ้นเช่นกัน แม้แมชชีนเลิร์นนิงจะเป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยมาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ผู้ไม่ประสงค์ดีก็ใช้ AI โจมตีพีซีเช่นกัน โซลูชันการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางจึงต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับที่ต่ำกว่าและเหนือกว่าระบบปฏิบัติการ
Intel® Threat Detection Technology
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ขยายการใช้ NPU ไปยังผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การรักษาความปลอดภัยบุคคลที่สาม ซึ่งช่วยให้แอปพลิเคชันของพวกเขาสามารถตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ผ่านการเขียนโปรแกรมแบบเนทีฟหรือผ่าน Intel® Threat Detection Technology
โดย Intel® TDT ช่วยให้นักพัฒนาใช้ทรัพยากรการประมวลผลปลายทาง (CPU, GPU และ NPU) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถตรวจจับความผิดปกติและระบุการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น แรนซัมแวร์หรือการแอบขุดคริปโตได้ด้วยความช่วยเหลือของ AI ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่ทำงานภายในเครื่องสามารถลดเวลาแฝงในการตรวจจับและบรรเทาภัยคุกคามได้ การถ่ายโอนการดำเนินการไปยัง NPU ช่วยลดแบนด์วิธของ CPU ซึ่งสามารถปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้หรือสร้างโอกาสเพิ่มเติมในการย้ายฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัยจากระบบคลาวด์ไปยังอุปกรณ์ปลายทางนี้ได้ วิธีการที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางเพื่อลดพื้นที่ในการโจมตีนี้ช่วยให้พีซี AI มอบประสิทธิภาพตามที่คาดหวังได้
เอนจินรักษาความปลอดภัยใหม่
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ทั้งหมดมี Intel® Silicon Security Engine สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเฟิร์มแวร์ระบบบนฮาร์ดแวร์ และฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมจะค่อยๆ ทยอยย้ายไปยัง Intel® Silicon Security Engine
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์บางรายการในกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์ใหม่ (โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 200V ซีรีส์) ยังมี Intel® Partner Security Engine ด้วย ซึ่งผู้ผลิตระบบสามารถกำหนดค่าเพื่อรองรับโปรเซสเซอร์รักษาความปลอดภัย Microsoft Pluton ได้ โดย Microsoft Pluton ตั้งเป้าที่จะมอบ Root of Trust, การรับรอง, ข้อมูลประจำตัว และบริการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ บนฮาร์ดแวร์ตามที่ Microsoft2 กำหนด
การรักษาความปลอดภัยของ Windows 11
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ทั้งหมดยังคงรองรับ Intel® Converged Security and Management Engine ซึ่งมีความสามารถเดิม เช่น Intel® Boot Guard สำหรับการบูตที่ได้รับการตรวจสอบด้วยการเข้ารหัสลับ และ Intel® Platform Trust Technology ซึ่งเป็นโซลูชัน TPM 2.0 ในตัวที่ใช้ร่วมกันได้กับมาตรฐานของ Trusted Computing Group ทั้งการบูตที่ตรวจสอบด้วยการเข้ารหัสและโซลูชัน TPM 2.0 เป็นข้อกำหนดของ Windows 11
เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ Microsoft Secured-core PC โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ทั้งหมดจึงรองรับ:
- Intel® Trusted Execution Technology สำหรับ Root of Trust แบบไดนามิก
- Intel® System Resources Defense สำหรับการป้องกันโหมดการจัดการระบบ (System Management Mode หรือ SMM) ที่แข็งแกร่ง
- Intel® System Security Report สำหรับการสื่อสารนโยบายการป้องกันที่นำมาใช้กับระบบปฏิบัติการ Windows
นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Intel vPro® ยังมีพื้นฐานการประมวลผลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับแอป AI และข้อมูลด้วย ซึ่งเกิดจากชุดคุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยอันแข็งแกร่งที่ผู้ผลิตพีซีต้องออกแบบให้มีอยู่ในพีซีทุกเครื่องที่มีตรา Intel vPro® ตารางที่ 3 ประกอบไปด้วยรายการคุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยของแพลตฟอร์มที่สำคัญทั้งหมด
อุปกรณ์ปลายทางแบบพร้อมบริการ
แพลตฟอร์ม Intel vPro® รองรับความสามารถในการจัดการแบบในวงและนอกวงเพื่อการมองเห็นอุปกรณ์ปลายทางและความพร้อมใช้งานสำหรับการบำรุงรักษาระยะไกลที่มากขึ้น
การจัดการแบบในวง
แอปพลิเคชันการจัดการอุปกรณ์ต้องอาศัยข้อมูลจากอุปกรณ์ปลายทางเพื่อทำการกำหนดค่า การดูแลรักษา และการตัดสินใจให้บริการที่ถูกต้อง Intel® Device Discovery มอบวิธีการสำหรับแอปพลิเคชันแบบโลคัลและระยะไกลให้สามารถเห็นอุปกรณ์ปลายทางได้ดีขึ้น ด้วยชุดข้อมูลอันแข็งแกร่งที่ครอบคลุมถึงโปรไฟล์ ประวัติ และความสามารถต่างๆ ของอุปกรณ์ ซึ่งจะรวมถึงรายการคุณสมบัติของแพลตฟอร์ม Intel vPro® ที่มีอยู่ และสภาพการกำหนดค่าของมัน ข้อมูลมหาศาลที่ผลิตขึ้นโดย Intel® Device Discovery นั้นอาจนำไปใช้สร้างการประเมินสุขภาพของพีซี กำหนดรูปแบบการรักษาความปลอดภัยของพีซี หรือเรียนรู้วิธีกำหนดค่าและดูแลรักษาอุปกรณ์อย่างดีที่สุดได้ การได้เห็นลึกเข้าไปอุปกรณ์ปลายทางมากขึ้นกลายเป็นสิ่งสำคัญเมื่อการดำเนินงานด้านไอทีหันไปใช้ AI และระบบอัตโนมัติ
การจัดการแบบนอกวง
Intel® Active Management Technology ช่วยให้ลูกค้าลดการซ่อมพีซีที่ต้องเข้าไปยังสถานที่ได้ผ่านการเข้าถึงระยะไกล แม้ว่าพีซีจะปิดเครื่องอยู่ ระบบปฏิบัติการไม่พร้อมใช้งาน หรือไม่มีผู้ใช้อยู่ก็ตาม3 กรณีการใช้งาน เช่น การปลุกและแพตช์, การบูตเป็น BIOS และการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ/อิมเมจ ช่วยให้ลูกค้าจัดการกลุ่มอุปกรณ์การประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมจากระยะไกลด้วยคีย์บอร์ด/วิดีโอ/เมาส์ (KVM) ช่วยให้ช่างเทคนิคควบคุมพีซีจากระยะไกลได้เสมือนนั่งอยู่หน้าเครื่อง Intel® AMT ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วย Intel® Endpoint Management Assistant และโซลูชันการจัดการระยะไกลแบบคลาวด์เนทีฟใหม่ ซึ่งเร่งการนำกรณีการใช้งานแบบนอกวงมาใช้ผ่านเครื่องมือของบุคคลที่สามและแบบสแตนด์อโลน
ตารางที่ 4 แสดงรายการเทคโนโลยีความสามารถในการจัดการของแพลตฟอร์ม Intel vPro®
พลังของทางเลือก
องค์กรที่เลือกพีซี AI ที่ขับเคลื่อนด้วย Intel® ยังได้รับประโยชน์จากพลังแห่งตัวเลือกด้วยเช่นกัน ด้วยแอปพลิเคชันที่มี AI มากกว่า 100 แอปและคุณสมบัติมากกว่า 300 รายการที่ได้รับการปรับประสิทธิภาพให้เหมาะกับโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra1 Intel มอบแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับการพัฒนาพีซี AI ด้วยโมเดล AI, เฟรมเวิร์ก และรันไทม์ที่เปิดใช้งานมากกว่าผู้จำหน่ายโปรเซสเซอร์รายอื่น4 องค์กรที่ต้องการสร้างแอปพลิเคชันแบบกำหนดเองสามารถใช้โมเดล AI มากกว่า 500 โมเดลที่ได้รับการปรับแต่งมาสำหรับโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ซึ่งครอบคลุมหมวดหมู่การอนุมาน AI ต่างๆ เช่น การประมวลผลภาษาธรรมชาติ การทำ Diffusion และคอมพิวเตอร์วิทัศน์ได้
สรุปข้อมูล
Intel vPro® ช่วยให้องค์กรต่างๆ ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก AI แพลตฟอร์ม Intel vPro® ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra ตอบโจทย์การประมวลผล AI ทุกระดับ ขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน และช่วยให้องค์กรบรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ www.intel.com/vpro
ตารางผลิตภัณฑ์และคุณสมบัติ
ตารางที่ 1: โมบายล์โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra (ซีรีส์ 2) ที่ใช้ Intel vPro® Enterprise ได้
โน้ตบุ๊กแบบบางและเบา 12-15 W |
โน้ตบุ๊กแบบบางและเบาระดับพรีเมียม 8 W / 17-30 W |
ประสิทธิภาพ 28 W / 45 W |
โมบายล์เวิร์กสเตชัน 55 W |
|
---|---|---|---|---|
|
หน่วยความจำ 16 GB ในแพ็คเกจ |
หน่วยความจำ 32 GB ในแพ็คเกจ |
|
|
----- |
----- |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 9 288V 4P + 4LPE 8Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 9 285H 6P + 8E + 2LPE 8Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 9 285HX 8P + 16E 4Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7 265U 2P + 8E + 2LPE 4Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7 266V 4P + 4LPE 8Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7 268V 4P + 4LPE 8Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7 265H 6P + 8E + 2LPE 8Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7 265HX 8P + 12E 4Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5 235U 2P + 8E + 2LPE 4Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5 236V 4P + 4LPE 7Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5 238V 4P + 4LPE 7Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5 235H 4P + 8E + 2LPE 8Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5 245HX 6P + 8E 3Xe |
ตารางที่ 2: เดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra (ซีรีส์ 2) ที่ใช้ Intel vPro® Enterprise ได้
พลังงานต่ำ 35 W |
พลังงานมาตรฐาน 65 W |
พลังงานที่สูงกว่า 125 W |
||
---|---|---|---|---|
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 9 285T 8P + 16E 4Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 9 285 8P + 16E 4Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 9 285K 8P + 16E 4Xe |
||
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7 265T 8P + 12E 4Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7 265 8P + 12E 4Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7 265K 8P + 12E 4Xe |
||
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5 235T 6P + 8E 3Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5 245T 6P + 8E 4Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5 235 6P + 8E 3Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5 245 6P + 8E 4Xe |
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 5 245K 6P + 8E 4Xe |
ตารางที่ 3: คุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยของ Intel vPro® สำหรับพีซี Windows
คุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม2 |
|
---|---|
Intel® Virtualization Technology การรับรองฮาร์ดแวร์สำหรับการรักษาความปลอดภัยบนเวอร์ชวลไลเซชันของ Windows |
Intel® Boot Guard รองรับการบูตที่ตรวจสอบด้วยการเข้ารหัส |
Intel® Trusted Execution Technology Root of Trust แบบไดนามิก |
Intel® BIOS Guard ช่วยป้องกันเฟิร์มแวร์ที่อยู่ในหน่วยความจำชั่วคราว |
Intel® System Resources Defense การป้องกัน System Management Mode (SMM) |
Intel® Silicon Security Engine การรับรองความถูกต้องโดยใช้ฮาร์ดแวร์ของเฟิร์มแวร์ระบบ |
Intel® System Security Report สื่อสารนโยบายการรักษาความปลอดภัยในระดับต่ำกว่าระบบปฏิบัติการไปยังระบบปฏิบัติการ |
Intel® Partner Security Engine5 ฮาร์ดแวร์สำหรับการรัน Microsoft Pluton และกรณีการใช้งานอื่นๆ |
Intel® Platform Trust Technology โมดูลแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ในตัว (TPM 2.0) |
การแยกพื้นที่ที่อยู่เชิงเส้น6 ช่วยตรวจจับการโจมตีช่องทางด้านข้างในเนื้อหา DRAM |
Intel® Virtualization Technology พร้อม Redirect Protection7 การป้องกันจากฮาร์ดแวร์สำหรับเคอร์เนลระบบปฏิบัติการ |
Intel® Threat Detection Technology เพิ่มประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย |
Intel® Total Memory Encryption พร้อม Multi-Key7 การเข้ารหัส DRAM แบบเต็มหรือบางส่วน |
Intel® Control Flow Enforcement Technology ช่วยปกป้องจากการโจมตีความปลอดภัยของหน่วยความจำ |
ตารางที่ 4: คุณสมบัติด้านความสามารถในการจัดการของ Intel vPro® สำหรับพีซี Windows
คุณสมบัติด้านความสามารถในการจัดการอุปกรณ์2 |
|
---|---|
Intel® Device Discovery การสืบค้นอุปกรณ์จากระยะไกลเพื่อค้นหาคุณสมบัติ ความสามารถ และชุดข้อมูลอื่นๆ ที่สำคัญต่อการดำเนินงานด้านไอทีที่เสริมประสิทธิภาพด้วย AI |
Intel® Active Management Technology7 การจัดการอุปกรณ์แบบนอกวงที่รองรับ KVM ระยะไกลและกรณีการใช้งานแบบนอกวงอื่นๆ อีกมากมาย |
Intel® Innovation Platform Framework (Intel® IPF) ช่วยแอปพลิเคชันแบบโลคัลหรือระยะไกลโต้ตอบกับคุณสมบัติของแพลตฟอร์ม Intel และจัดเตรียมอินเทอร์เฟซซอฟต์แวร์สำหรับ Intel® Device Discovery |
Intel® Platform Service Record7 ชุดบัญชีแยกประเภทแบบป้องกันการงัดแงะที่เก็บข้อมูลการสึกหรอของระบบเพื่อช่วยเป็นข้อมูลในการประเมินความน่าเชื่อถือและการคำนวณมูลค่าคงเหลือ |
Intel® Platform Brand Identity7 วิธีการระบุแพลตฟอร์ม Intel vPro และคุณสมบัติต่างๆ จากระยะไกล |
Intel® Remote Platform Erase7 การทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ครอบคลุมส่วนประกอบพีซีหลายชิ้น (SSD, การล้าง TPM, การรีเซ็ต BIOS และอื่นๆ) |
Intel® Unique Platform ID7 สร้างข้อมูลรับรองการเป็นเจ้าของอุปกรณ์ที่ไม่ซ้ำใครและถาวรเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการของบริการปลายทาง |
Intel® One-Click Recovery7 วิธีการกู้คืนพีซีที่ถูกปิดใช้งานให้กลับสู่สภาพดี โดยใช้ไฟล์อิมเมจที่จัดเก็บไว้ในเครื่องหรือในระบบคลาวด์ |
Intel® Stable IT Platform Program มอบฮาร์ดแวร์ที่เสถียรพร้อมการตรวจสอบแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมและการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ยืดหยุ่น รวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ Windows 10 และ Windows 11 ภายในระยะเวลาการให้บริการของ Microsoft ด้วย |