ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในด้านการศึกษา

มาดูกันว่า AI ถูกนำมาใช้ในวงการศึกษาอย่างไรเพื่อช่วยปรับปรุงผลลัพธ์การเรียนรู้ ทำงานประจำวันในชั้นเรียนโดยอัตโนมัติ ให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้จริงเพื่อปรับปรุงหลักสูตร และมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคนมากขึ้น

ข้อมูลสำคัญ

  • เทคโนโลยี AI ในโรงเรียนช่วยให้นักเรียนมีเวลามากขึ้นสำหรับการมีส่วนร่วมและสร้างประสบการณ์การเรียนรู้

  • AI ในด้านการศึกษาสามารถทำให้งานประจำเป็นไปโดยอัตโนมัติ มอบข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และส่งมอบเครื่องมืออันทรงคุณค่าเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้

  • AI สนับสนุนการพัฒนาทักษะของนักเรียนสำหรับงานในอนาคต ตั้งแต่ความสามารถในการแก้ปัญหาและความสามารถทางสังคมและอารมณ์ไปจนถึงความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี

  • สามารถลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสารสนเทศและความรู้ (digital divide) ในกลุ่มนักเรียน และเพิ่มความเท่าเทียมด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในโรงเรียน

  • การดำเนินงานวิทยาเขตอัจฉริยะสามารถควบคุม AI เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของนักเรียน และแนะนำเนื้อหาและการโต้ตอบประเภทใหม่ ๆ

author-image

โดย

AI ในด้านการศึกษาคืออะไร

AI เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เครื่องจักรสามารถทำงานที่โดยทั่วไปต้องใช้สติปัญญาของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ การปรับตัว และการดำเนินการกับข้อมูลจำนวนมากที่ประมวลผลอย่างรวดเร็ว ความสามารถนี้ถูกนำมาใช้ในเทคโนโลยีการศึกษา เพื่อช่วยเพิ่มและปรับปรุงการเรียนรู้ให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ทำงานที่ซ้ำ ๆ หรือใช้เวลานานโดยอัตโนมัติ และปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและเทคโนโลยีของโรงเรียนเพื่อประโยชน์ของนักเรียน ครู และผู้บริหาร

เหตุใดจึงต้องใช้ AI ในด้านการศึกษา

การใช้เทคโนโลยีการศึกษา (edtech) ในโรงเรียนกำลังกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น ในทำนองเดียวกัน การใช้ AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เครื่องจักรสามารถทำงานที่โดยทั่วไปต้องใช้สติปัญญาของมนุษย์ กำลังกลายเป็นกระแสหลักในชีวิตประจำวันมากขึ้น การนำทั้งสองสิ่งนี้มารวมกันเป็นขั้นตอนปกติที่จะเป็นคุณประโยชน์ต่อนักเรียน ครู เจ้าหน้าที่ และผู้บริหาร

เราสามารถนำ AI มาใช้ในด้านการศึกษาได้หลากหลายรูปแบบและวิธีการ ล่าสุด เครื่องมือ ปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้างหรือเจนเนอเรทีฟ AI (GenAI) ที่สามารถสร้างเนื้อหาและทำงานต่าง ๆ เพื่อตอบคำถามที่เป็นวลีตามธรรมชาติกำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ระบบเหล่านี้สามารถปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ให้ข้อเสนอแนะแบบเกือบจะเรียลไทม์ และให้คำแนะนำการฝึกสอนและการพัฒนาทักษะ

การนำเทคโนโลยี AI อัจฉริยะมาใช้ในโรงเรียนยังสามารถช่วยครู เจ้าหน้าที่ และผู้บริหารได้ โดยการทำงานซ้ำ ๆ หรืองานที่ใช้เวลานานโดยอัตโนมัติ ช่วยให้มีเวลามากขึ้นในการส่งเสริมให้นักเรียนประสบความสำเร็จ

ข้อมูลจากตัวเลข

การวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับ AI ในด้านการศึกษาที่จัดทำโดยสถาบันหลายแห่งพบว่า:

  • ครูผู้สอนร้อยละ 65 ต้องการใช้ AI เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้เรียน1
  • ร้อยละ 20 ถึง 40 ของงานในปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยีทำงานแทนคนได้2
  • การใช้ AI เพื่อทำงานต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ อาจช่วยให้ครูมีเวลาเพิ่มขึ้น 13 ชั่วโมงต่อสัปดาห์2
  • ครูผู้สอนร้อยละ 48 ระบุว่าเทคโนโลยี AI ส่งผลเชิงบวกต่อประสบการณ์การเรียนรู้ของนักเรียน3
  • ร้อยละ 42 ของครูและนักเรียนระบุว่า AI สร้างระบบที่เท่าเทียมมากขึ้น3
  • นักเรียนร้อยละ 73 รายงานว่า AI ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ได้เร็วขึ้น และนักเรียนร้อยละ 67 ระบุว่า AI ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น3

ประโยชน์ของ AI ในด้านการศึกษา

AI ในด้านการศึกษามีประโยชน์มากมายหลายอย่างที่สามารถช่วยเพิ่มเวลาและประสิทธิภาพสูงสุด ปรับปรุงความปลอดภัยของโรงเรียนและข้อมูล ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และทำให้สามารถใช้งานเครื่องมืออันมีค่าในการปรับปรุงการเรียนรู้ ประโยชน์บางส่วนประกอบด้วย:

  • ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ: AI สามารถทำงานประจำโดยอัตโนมัติ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และช่วยให้ครู ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่มีเวลามากขึ้นในการทำกิจกรรมที่มีส่วนร่วมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น AI สามารถช่วยครูในการตัดเกรด การให้คะแนนเรียงความ และการเช็คชื่อผู้เข้าเรียน นอกจากนี้ยังสามารถส่งข้อความแบบเฉพาะบุคคลเกี่ยวกับกิจกรรมและกำหนดการโดยอัตโนมัติ หรือช่วยเหลือในการวางแผนทรัพยากร
  • ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล:การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI เช่น การทดสอบนักเรียนและชั้นเรียน และประสิทธิภาพการมอบหมายงาน สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่ซ้ำใครสำหรับครูและผู้บริหาร ข้อมูลเชิงลึกนี้สามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตร ปรับการสอนเพื่อประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ชี้แนะวิธีการพัฒนาทักษะ ระบุโอกาสในการสอน และนำเสนอวิธีใหม่ ๆ ในการชี้แนะและจัดการการเรียนรู้ของนักเรียน ผลตอบรับเกี่ยวกับความก้าวหน้าของนักเรียน ยังสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดแนวทางในการพัฒนาเนื้อหาของเขตการศึกษาได้อีกด้วย
  • การดำเนินงานและความปลอดภัยที่ดีขึ้น: การดำเนินงานของวิทยาเขตในระดับโรงเรียนหรือเขตจะได้รับประโยชน์จากการใช้ AI ตัวอย่างเช่น ระบบดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถตรวจจับความผิดพลาดและปัญหาด้านสิ่งอำนวยความสะดวกหรือเทคโนโลยีในเชิงรุกหรือเกือบจะเรียลไทม์ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์วิทัศน์และเซนเซอร์ที่เชื่อมต่อสามารถปรับปรุงความปลอดภัยทางกายภาพผ่านประตูอัจฉริยะ การตรวจจับการล้ม และการเข้าถึงประตูอัจฉริยะ รวมถึงการใช้งานอื่น ๆ ความสามารถเหล่านี้สามารถนำไปสู่ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและระดับความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยที่สูงขึ้นทั่วทั้งวิทยาเขต
  • การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ดีขึ้น: ภัยคุกคามทางไซเบอร์ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และภาคการศึกษาก็เป็นเป้าหมายสำคัญ ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 การโจมตีสถาบันการศึกษาในทุกระดับด้วยแรนซัมแวร์เพิ่มขึ้น 105 เปอร์เซ็นต์4 เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ใช้ AI ช่วย สามารถช่วยให้ทีมไอทีด้านการศึกษาเสริมโซลูชันความปลอดภัยที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อปกป้องนักเรียน คณาจารย์ ข้อมูล และการปฏิบัติงาน จากการโจมตีทางไซเบอร์

กรณีการใช้งาน AI ในด้านการศึกษา

ในสภาพแวดล้อมทางการศึกษา AI สามประเภทที่นิยมนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของนักเรียน ผู้บริหาร และวิทยาเขต ได้แก่:

 

  • AI การรายงาน: AI ประเภทนี้ใช้อัลกอริทึมในการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานโดยอัตโนมัติ ประโยชน์ที่สำคัญ ได้แก่ ความเร็ว ความแม่นยำ และความสามารถในการระบุรูปแบบ ในด้านการศึกษา AI การรายงานสามารถช่วยในการทำงานต่างๆ เช่น การติดตามการเข้าเรียนของนักเรียน การจัดทำรายงานผลการเรียน และการเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากร
  • AI เชิงโต้ตอบ: รูปแบบพื้นฐานของ AI ประเภทนี้เป็นแบบโต้ตอบและขาดความสามารถในการสร้างความทรงจำหรือใช้ประสบการณ์ในอดีตเพื่อส่งผลต่อผลลัพธ์ในอนาคต AI เชิงโต้ตอบจะทำงานที่ไม่ซับซ้อนโดยอาศัยข้อมูลที่รวบรวมไว้จำนวนมาก มีประโยชน์สำหรับการทำให้งานด้านการบริหารและการประเมินผลนักเรียนเป็นไปโดยอัตโนมัติ
  • AI เชิงคาดการณ์: AI เชิงคาดการณ์สามารถระบุรูปแบบในข้อมูลในอดีตและคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตโดยใช้อัลกอริทึมทางสถิติ ในบริบททางการศึกษา สามารถนำไปใช้สร้างประสบการณ์การเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล และระบุตัวนักเรียนที่อาจมีความเสี่ยงที่จะออกจากโรงเรียนกลางคัน

กรณีการใช้งานด้านการศึกษา

ตัวอย่างการนำ AI ไปใช้ในด้านการศึกษา ได้แก่:

 

  • การมีส่วนร่วมของนักเรียน: AI ในการศึกษาสามารถสนับสนุนการเรียนรู้ภาษา เพื่อลดช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นในการทำความเข้าใจ นักเรียนสามารถเตรียมตัวสำหรับการสอบด้วยแอปพลิเคชันที่ใช้ AI ที่ปรับให้เหมาะสมกับผู้ใช้ พวกเขายังสามารถเรียนรู้จากเพื่อนร่วมชั้นและการแลกเปลี่ยนเสมือนจริงในกระดานสนทนาออนไลน์และผ่านการเล่นเกมตามหลักสูตร
  • การเช็คชื่อผู้เข้าเรียน: ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสำนักงานสามารถใช้ AI เพื่อช่วยติดตามการเข้าเรียนของนักเรียน บันทึกการขาดเรียนที่ทราบหรือไม่ได้วางแผน หรือแจ้งผู้ปกครองเกี่ยวกับการเข้าเรียนสาย
  • การจัดการห้องเรียน: ระบบที่ใช้ AI สามารถช่วยให้ครูตรวจสอบกิจกรรมของนักเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแผนการเรียนรู้เฉพาะบุคคล ห้องปฏิบัติการกลุ่ม เวิร์กช็อป หรือประสบการณ์การเรียนรู้แบบผสมผสาน ครูสามารถเห็นความก้าวหน้าของนักเรียนได้ง่ายขึ้น และมีเวลามากขึ้นในการสนับสนุนการเรียนรู้ทางอารมณ์และการจัดการพฤติกรรมตามความจำเป็น
  • การให้คะแนนเรียงความ: ครูสามารถใช้ระบบ AI เพื่อตรวจเรียงความของนักเรียนในเบื้องต้น และตรวจสอบไวยากรณ์ โครงสร้างประโยค และการลอกเลียนงานของผู้อื่น AI ยังสามารถช่วยระบุได้ว่านักเรียนเข้าใจงานที่ได้รับมอบหมายอย่างถูกต้องและปฏิบัติตามคำสั่งในการเขียนเรียงความอย่างถูกต้องหรือไม่
  • ความเข้าใจของนักเรียนและชั้นเรียน: ครูมีตัวเลือกในการให้คะแนนของนักเรียนในการทดสอบโดยอัตโนมัติ โดยขึ้นอยู่กับวิธีการทำข้อสอบ ระบบที่ใช้ AI สามารถช่วยให้ผู้สอนระบุความเข้าใจทั่วไปของบางวิชา โดยอิงตามคะแนนส่วนบุคคลและคะแนนรวมในงานมอบหมายและแบบทดสอบ ข้อมูลนี้สามารถให้ข้อมูลในการวางแผนบทเรียน วิธีนำเสนอเนื้อหาในชั้นเรียน การสร้างแผนการเรียนรู้เฉพาะบุคคลโดยพิจารณาจากช่องว่างความรู้ของแต่ละบุคคล หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเรียนรู้
  • การจดบันทึกแบบเกือบเรียลไทม์: ระบบ AI สามารถช่วยเหลือนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นหรือการได้ยิน โดยการบันทึกการบรรยายและใช้เทคโนโลยีการแปลงคำพูดเป็นข้อความ หากนักเรียนมีปัญหาในการจดจ่อกับการเรียนชั้นเรียนเนื่องจากยุ่งอยู่กับการจดบันทึก AI สามารถสร้างข้อความถอดเสียงที่ซิงค์กับการบันทึกเสียง เพื่อให้นักเรียนสามารถกลับไปฟังหรืออ่านสิ่งที่ครูพูดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูมีเวลาในการสรุปบทเรียนและจัดทำบันทึกย่ออีกด้วย
  • การสื่อสาร: ระบบนิเวศเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการศึกษาของนักเรียน การสื่อสารกับผู้ปกครอง ครู และผู้บริหารอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถช่วยปรับปรุงประสบการณ์การเรียนรู้ได้ การส่งข้อความและการประชุมทางวิดีโอด้วย AI สามารถอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงการสื่อสารระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ตั้งแต่การกำหนดเวลากิจกรรม การรายงานข้อกังวล ไปจนถึงการยกย่องชมเชยความสำเร็จและการนำเสนอของนักเรียน
  • วิทยาเขตอัจฉริยะ: ระบบ AI สามารถช่วยตรวจสอบสภาพแวดล้อมของวิทยาเขตและให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าสำหรับผู้บริหาร ผู้เยี่ยมชม และเจ้าหน้าที่ ตัวอย่างเช่น AI สามารถรวบรวมตัวชี้วัดของนักเรียนสำหรับการเข้าเรียนทั้งในโรงเรียนและการเรียนออนไลน์ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อตรวจสอบรูปแบบการใช้งานของคนเดินเท้าและการจราจร ระบุอันตรายในวิทยาเขตที่อาจเกิดขึ้น และช่วยเหลือเรื่องการจอดรถอัจฉริยะ การค้นหาเส้นทาง และการจัดการฝูงชน หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถนำมาใช้ได้หลายวิธี เพื่อช่วยในการบำรุงรักษาและการจัดการอาคาร

ความท้าทายของ AI ในด้านการศึกษา

เช่นเดียวกับการนำเทคโนโลยีใด ๆ มาใช้ การทำความเข้าใจว่าจะใช้ AI ในการศึกษาอย่างไร เมื่อใด และที่ไหน จะต้องเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับครูผู้สอนและผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ในปัจจุบัน

ในฐานะรากฐานของ AI ในด้านการศึกษา ผู้ใช้จะต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบเพื่อความโปร่งใส ความรับผิดชอบ การไม่แบ่งแยก และการกำกับดูแล เพื่อสนับสนุนความไว้วางใจของสังคม การคิดเชิงวิพากษ์ และการให้เหตุผลอย่างลึกซึ้ง ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องพิจารณาสำหรับโครงการริเริ่มด้าน AI ทั้งหมดในโรงเรียน เช่น:

 

  • การใช้ในทางที่ผิดของนักเรียน: ความเสี่ยงที่นักเรียนจะโกง ทำให้เกิดปัญหาด้านจริยธรรมและบ่อนทำลายความสามารถในการเรียนรู้เนื้อหาและทักษะที่จำเป็น นอกจากนี้ นักเรียนอาจสลับหรือลืมอุปกรณ์หรือรหัสผ่าน ซึ่งอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยอีกด้วย
  • อคติในอัลกอริทึม: ระบบ AI เรียนรู้จากข้อมูลที่ใช้ในการฝึก หากข้อมูลนี้มีอคติในแง่มุมต่าง ๆ เช่น เพศ ชาติพันธุ์ และกลุ่มเศรษฐกิจและสังคม ระบบ AI สามารถเรียนรู้และแพร่กระจายอคติเหล่านั้นได้
  • การเข้าถึงที่เท่าเทียม: นักเรียนบางคนไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือ AI และอินเทอร์เน็ต ทำให้มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น หากนักเรียนบางคนไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้
  • การมีส่วนร่วมของนักเรียนลดลง: มีความเสี่ยงที่นักเรียนซึ่งใช้เวลากับเครื่องมือ AI มากขึ้นอาจมีส่วนร่วมกับครูผู้สอนและนักเรียนคนอื่น ๆ น้อยลง
  • ความเหนื่อยล้าของครู: อุปกรณ์ของครูเป็นเครื่องมือที่ใช้มากที่สุดในห้องเรียนสมัยใหม่สำหรับการเรียนการสอน งานธุรการ และการสื่อสาร ในขณะเดียวกัน ความเหนื่อยล้าของครูก็นำไปสู่การลาออกที่เพิ่มขึ้นและการขาดแคลนบุคลากร การจัดหาเครื่องมือที่ใช้ AI สามารถช่วยเพิ่มความพึงพอใจของครูได้
  • การนำระบบไปใช้: การอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้รองรับเทคโนโลยีในปัจจุบันและรองรับการใช้งานในอนาคต เพื่อให้สามารถตอบสอนงความต้องการด้านการศึกษาในอนาคตนั้น ต้องอาศัยการลงทุนทั้งเวลาและทรัพยากร รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากรเกี่ยวกับวิธีการใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ

ความเสี่ยงเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ควรพิจารณาผ่านการใช้ AI อย่างรับผิดชอบ

อนาคตของ AI ในด้านการศึกษา

AI จะยังคงถูกนำมาใช้ทั่วทั้งภูมิทัศน์การศึกษาเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ ทำงานประจำโดยอัตโนมัติ ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และข้อมูล และโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี การใช้ AI ในการเรียนรู้จะช่วยพัฒนาทักษะที่นักเรียนจำเป็นต้องมี เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานในอนาคต

ลักษณะของงานกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ภายในปี 2027 คาดการณ์ว่าตำแหน่งงานทั่วโลกประมาณ 83 ล้านตำแหน่ง เช่น พนักงานธนาคาร พนักงานไปรษณีย์ พนักงานแคชเชียร์ และพนักงานขายตั๋ว จะกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัย เนื่องจากภูมิทัศน์การจ้างงานเปลี่ยนแปลงไป5 ในขณะเดียวกัน การคาดการณ์ได้แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งงานใหม่ ๆ ประมาณ 69 ล้านตำแหน่งอาจจะเกิดขึ้นในงานด้านต่าง ๆ เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ แมชชีนเลิร์นนิง ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนและนักวิเคราะห์ข่าวกรองทางธุรกิจ5

ทักษะในสถานที่ทำงานในอนาคต

ทักษะที่จะเตรียมตัวนักเรียนให้พร้อมสำหรับสถานที่ทำงานในอนาคต ได้แก่ การคิดเชิงวิเคราะห์และเชิงสร้างสรรค์ ความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับตัว และความคล่องตัว ความสามารถเหล่านี้จัดอยู่ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น ทักษะการเรียนรู้ การทำงานร่วมกับผู้คน การรับรู้ความสามารถในตนเอง ความสามารถด้านเทคโนโลยี และความเฉียบแหลมในการจัดการ ด้วยเหตุนี้ การศึกษาจึงต้องปรับตัว

นักเรียนในปัจจุบันจำเป็นต้องมีความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถทางสังคมและอารมณ์ ความสามารถในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และความเชี่ยวชาญในการออกแบบและการเขียนโปรแกรมเทคโนโลยีจึงจะประสบความสำเร็จ การนำเอาความรู้ประเภทนี้ไปประยุกต์ใช้จริง ได้แก่ การสร้างคอนเทนต์ (รวมถึงการผลิตวิดีโอ) การแสดงข้อมูลเป็นภาพ และความคุ้นเคยกับการทำงานจากทุกที่

ความต้องการเทคโนโลยีในอนาคต

ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในด้านการศึกษาจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานในอนาคต ซึ่งช่วยยกระดับการทำงานร่วมกัน ประสิทธิภาพทำความ และความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และสนับสนุนความสามารถในการใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากวงจรการปรับปรุงการศึกษาทุกสี่ปีแบบดั้งเดิม

การรักษาความปลอดภัยจะยังคงมีความสำคัญสูงสุดต่อไป สถาบันการศึกษาต้องพัฒนากลยุทธ์ด้านความปลอดภัยที่สามารถรับมือกับความท้าทายด้านการรักษาความปลอดภัยที่ซับซ้อน ปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และข้อมูลบนอุปกรณ์ของนักเรียน ครู และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานแบบเครือข่าย

สถาบันการศึกษาสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้แล้ววันนี้ การทำตามขั้นตอนเพื่อบูรณาการ AI ในตอนนี้จะเป็นการวางรากฐานเพื่อรองรับความเป็นไปได้และกรณีการใช้งานที่เกิดขึ้นใหม่อย่างง่ายดายขึ้นในอนาคต